ENVIRONMENT

เสวนาวิกฤตโขง-สาละวิน ปนเปื้อนสารพิษ นักวิชาการแนะยกระดับเป็นวาระสำคัญ

เสวนาวิกฤตโขง-สาละวินปนเปื้อนสารพิษ นักวิชาการแนะ MRC ยกระดับเป็นวาระสำคัญ ตรวจน้ำโขงตลอดสาย-จัดการปัญหาที่ต้นตอ ด้าน นายก อบต.แม่สามแลบ จี้รัฐบาลถกเมียนมา ชี้ TBC ใช้ไม่ได้ในพื้นที่สาละวิน

เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2568 สำนักข่าว The Reporters และ สำนักข่าวชายขอบ จัดเสวนาออนไลน์ในหัวข้อ “วิกฤตโขง-สาละวินปนเปื้อนด้วยสารพิษ สถานการณ์ปัจจุบันและทางออก” โดยวิทยากรประกอบด้วย นายนิวัฒน์ ร้อยแก้ว หรือ ครูตี๋ ประธานกลุ่มรักษ์เชียงของ จังหวัดเชียงราย นางสาวเพียรพร ดีเทศน์ กรรมการบริหาร Rivers and Rights เลขาธิการมูลนิธิพัฒนาชุมชนและเขตภูเขา ศ.กิตติคุณ Philip Hirsch ผู้เชี่ยวชาญลุ่มน้ำโขง มหาวิทยาลัยซิดนีย์ และนายพงษ์พิพัฒน์ มีเบญจมาศ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลแม่สามแลบ (อบต.แม่สามแลบ) อำเภอสบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ดำเนินรายการโดย นางสาวณัฐพร สร้อยจำปา ผู้สื่อข่าว สำนักข่าว The Reporters

นายนิวัฒน์ หรือครูตี๋ ปัญหาแม่น้ำโขงเกิดขึ้นมานานแล้ว โดยเป็นปัญหาเรื่องการสร้างเขื่อน การระเบิดเกาะแก่ง เป็นปัญหาเกี่ยวกับระบบนิเวศที่สะสมมากขึ้นเรื่อย ๆ ตลอด 30 ปีไม่รุนแรงทันที แต่ปัญหาแม่น้ำโขงในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง รวมถึงแม่น้ำสาขาเป็นสถานการณ์ที่น่ากลัวมาก ตนเองทำงานแม่น้ำโขงมาเกือบ 30 ปีมองว่าปัญหาสารพิษครั้งนี้เป็นเรื่องราวที่รุนแรงที่สุดแล้ว

“การสร้างเขื่อนหรือระเบิดเกาะแก่งมันก็ผลกระทบกับระบบนิเวศ ความอุดมสมบูรณ์ลดน้อยลงไป แต่สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นขณะนี้มันหนักกว่าเพราะไม่ได้ทำลายแค่ระบบนิเวศ มันทำลายชีวิตของมนุษย์ด้วย ทุกสรรพสิ่งที่อาศัยแม่น้ำโขงอยู่ทุกวันนี้ มันใหญ่มากจนผมคิดว่ามันจะเป็นหายนะของอนุภูมิภาคได้เลย“ ครูตี๋ กล่าว

ครั้งแรกที่รับรู้ว่าแม่น้ำสาขา แม่น้ำโขงตอนบนได้รับผลกระทบ ตนคิดว่านี่คือเรื่องใหญ่ เมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้ได้รับทราบว่าแม่น้ำโขงตอนล่างได้รับผลกระทบด้วย ตอนนี้ได้รับกระทบหมดแล้ว จึงบอกได้ว่าสถานการณ์ขณะนี้รุนแรงที่สุดแล้ว แต่การจัดการปัญหาหรือแก้ไขปัญหายังไม่ชัดเจน ตนเองมองว่าคนในอนุภูมิภาคกำลังเผชิญกับปัญหาถึงขั้นหายนะ ขณะนี้มันเป็นปนเปื้อนแล้วบางครั้งอาจจะลดลงไปแต่ละจุดช่วงเวลาไม่แน่นอนแต่สรุปคือแม่น้ำโขงปนเปื้อนแล้ว สิ่งสำคัญในสารปนเปื้อนมันมีพิษความเฉียบพลัน การสะสมของพิษเป็นเรื่องสำคัญมาก ขณะนี้การจัดการกับต้นตอของปัญหาก็ยังจัดการไม่ได้ก็คือเหมืองต่างๆที่เกิดขึ้น แล้วเหมืองก็ยังขยายเพิ่มมากขึ้นอีก นี่คือสิ่งที่น่ากลัวมากที่สุดแล้ว

นายนิวัฒน์กล่าวว่า มองว่าปัญหาการจัดการกับปัญหามีอยู่ 2 อย่างคือ 1. ภายในประเทศไทย แม่น้ำกก สาย รวก ขณะนี้ ตั้งแต่ตั้งแต่เดือนมีนาคม ชาวบ้านลุกออกมาพูดคุยเรื่องนี้แล้วมีการตรวจพบเจอจนถึงเดี๋ยวนี้สิ่งที่ชาวบ้าน นักวิชาการ ผู้เกี่ยวข้องได้เสนอเรื่องราวต่าง ๆ ในการแก้ไขปัญหา ทุกอย่างยังไม่เพียงพอกับสิ่งที่เกิดขึ้น

ขณะที่การจัดการกับต้นตอเป็นปัญหายากที่สุดในการจัดการครั้งนี้เพราะมันอยู่ในเขตประเทศหนึ่งที่มีอิทธิพลและมีทุนจีนเข้ามาลงทุน แล้วห่วงโซ่อุปทานมันโยงไปทั้งโลกแล้วไม่ใช่แค่อเมริกา มีอีกหลายประเทศที่ต้องการแร่นี้ ทางแก้ปัญหานี้คือการยกระดับปัญหานี้แล้วสร้างความร่วมมือจัดการกับปัญหาข้ามพรมแดนแล้วทุกส่วนทุกประเทศที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับห่วงโซ่อุปทานจะต้องยกระดับไปสู่มาตรฐานในการจัดการเหมือง

องค์กรที่เป็นกลไกระหว่างประเทศ เช่น คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (MRC) ต้องเข้ามาร่วมจัดการกับปัญหานี้ให้ได้โดยเฉพาะข้อมูลต่าง ๆ ที่ข้ามพรมแดนมันยังจัดการไม่ได้เลย MRC ก็ต้องยกระดับด้วยเมื่อแม่น้ำโขงปนเปื้อนไปตลอดสายแล้วคุณจะทำอย่างไรบ้างในการตรวจวัด เฝ้าระวัง ส่วนความร่วมมือด้านแม่น้ำล้านช้าง-แม่น้ำโขง (LMC) ก็เป็นกลไกหนึ่งถ้ารับประเด็นสารพิษเข้าไปพูดคุย ผมคิดว่าจะทำอย่างไรให้องค์กรระหว่างประเทศร่วมมือกันให้ได้ นีเป็นเรื่องใหญ่” ประธานกลุ่มรักษ์เชียงของกล่าว

ศ.กิตติคุณ Philip Hirsch ผู้เชี่ยวชาญลุ่มน้ำโขง จากมหาวิทยาลัยซิดนีย์ กล่าวว่า ภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงมี 2 องค์กรที่ทำงานระหว่างประเทศคือ MRC รวมเฉพาะ ลาว ไทย เวียดนาม กัมพูชา และ LMC รวม 6 ประเทศ แต่ปัญหาสารพิษปนเปื้อนไม่ใช่เรื่องใหม่ ไม่ได้แค่กระทบกับสิ่งแวดล้อมแต่ยังกระทบสุขภาพของคนด้วย

ต้นเหตุของปัญหามีอยู่หลัก ๆ 2 แห่งคือ รัฐฉานในเมียมา และบางส่วนอยู่ในลาวกับเวียดนาม พูดถึง MRC องค์กรที่ทำงานระหว่างประเทศ ที่ผ่านมาไม่ได้เน้นเรื่องคุณภาพน้ำเท่าไร เมื่อเทียบกับแม่น้ำใหญ่ ๆ ระดับโลก แม่น้ำโขงคุณภาพค่อนข้างดีจากที่ผ่านมา เหมืองแร่ต้นเหตุของปัญหาไม่ได้อยู่ในพื้นที่ภายใต้ความควบคุมของรัฐบาลทหารพม่า เหมืองที่ทำส่วนใหญ่ก็เป็นทุนจีนแต่เหมืองเหล่านั้นไม่ได้อยู่ภายใต้รัฐบาลจีนโดยตรง เวลาจะคุยก็เลยไม่รู้ว่าจะต้องคุยกับใคร ตนเห็นด้วยว่าต้องคุยกับ LMC อย่างน้อยก็เป็นองค์กรที่มีรัฐบาลจีนเป็นสมาชิกอยู่ ส่วนการประสานกับประเทศเพื่อนบ้านที่ได้รับผลกระทบ ไทยควรอาศัยความสัมพันธ์ที่มีอยู่ในองค์กรแม่น้ำโขงซึ่งไทยเป็น 1 ใน 4 ประเทศสมาชิก น่าจะมีส่วนตรวจสอบ

“ถ้าเป็นไปได้ให้ไทยสนับสนุน MRC ทำเชิงรุกให้มากกว่าเดิม เวลาเกิดปัญหาไม่ใช่รายงานแล้วก็จบแต่ต้องพยายามหาว่าต้นเหตุของปัญหาอยู่ที่ไหน แต่จะเรียกร้องเรื่องเหมืองแร่กับใครผมคิดว่าค่อนข้างที่จะยาก ในระยะสั้นเราอาจจะนึกถึงว่าแต่ละประเทศ แต่ละภาคส่วนจะสามารถที่จะทำอะไรได้ที่จะอย่างน้อยจะช่วยรับภาระแล้วก็ช่วยชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในแม่น้ำ หรือว่าต้องใช้น้ำ”

นายพงษ์พิพัฒน์ กล่าวว่า ตนเองไม่คิดฝันจะมีการปนเปื้อนในแม่น้ำสาละวิน พยายามติดตามปัญหาสารพิษในแม่น้ำกก สาย โขง รวก และให้กำลังใจ แต่สุดท้ายแม่น้ำสาละวินกลับมีสารตกค้างได้รับผลกระทบจากการทำเหมืองในเมียนมาไปด้วย ชุมชนที่อาศัยในลุ่มน้ำสาละวินมีการใช้น้ำอุปโภคบริโภค เกษตรริมน้ำอาศัยตะกอนดินจากสาละวิน สัตว์น้ำที่ชาวบ้านเคยทำประมง สารพิษปนเปื้อนจะส่งผลต่อชาวบ้านอย่างไร กังวลมาก เมื่อมีการเปิดเผยข้อมูลเราก็อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงมาสำรวจเพื่อให้เกิดความชัดเจน หาแนวทางร่วมกันได้ ขณะนี้มีการตรวจ 13 จุดรวมแม่น้ำสาขา มีการนำพืชผักไปตรวจ กระทรวงสาธารณสุขตรวจและเก็บตัวอย่างเลือดกับปัสสาวะของชาวบ้านกลุ่มเสี่ยงริมน้ำสาละวิน ประมงนำปลา 6 ชนิด กุ้งแม่น้ำไปตรวจ ที่ดินนำตะกอนดินไปตรวจ ตอนนี้เรากำลังรอผลจากห้องแล็บ

ขณะที่การหาแหล่งน้ำแห่งใหม่ก็สำคัญ แม้จะมีประปาภูเขาแต่ก็ไม่เพียงพอ เพราะชาวบ้านต้องใช้น้ำเพื่อการเกษตรตลอด เมื่อบอกให้ชาวบ้านหลีกเลี่ยงการใช้น้ำจากแม่น้ำสาละวิน ขณะที่รอผลการตรวจ ก็ควรต้องมีแหล่งน้ำที่ปลอดภัยให้ชาวบ้าน แนวทางเหล่านี้หน่วยงานต่าง ๆ ต้องร่วมกัน ถ้าผลการตรวจพบสารพิษตกค้างในร่างกายเราจะทำอย่างไร พืชผักถ้าพบสารหนูเกินจะทำอย่างไร ประมงหาปลา ร้านอาหาร ส่งผลกระทบไปทั้งวงจร เกษตรชุมชนริมน้ำเขาต้องทำอย่างไร นี่คือเรื่องเฉพาะหน้า สาละวินเราไม่มีกลไก MRC เหมือนแม่น้ำโขง ในพื้นที่เรามีแค่คณะกรรมการลุ่มน้ำที่สิ่งเหล่านี้มันเกินกำลังของเรา ต้องมีภาคีความร่วมมือ ที่ผ่านมามีแค่คณะกรรมการชายแดน (TBC) กลไกไม่ครอบคลุมกลุ่มต่าง ๆ ในสาละวิน ต้องมีกลไกอะไรที่ครอบคลุมทุกกลุ่มในพื้นที่ลุ่มน้ำสาละวิน

นางสาวเพียรพร กล่าวต่อา หลังจากคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ตรวจพบสารหนูปนเปื้อนในแม่น้ำสาละวินบริเวณพรมแดนไทย-เมียนมา สูง 5 เท่า และตรวจซ้ำโดยสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 (สคพ.1) เชียงใหม่ มีผลเกินค่ามาตรฐานประมาณ 2 เท่า ในหลายจุด ทำให้กังวลว่าจะซ้ำรอยแม่น้ำโขง

เราเพิ่งจะพบว่ามีการทำเหมืองแร่ที่ตอนบนของแม่น้ำเมื่อ 8 เดือนที่แล้ว ในแม่น้ำกก สาย โขง รวก เรายังไม่หายตกใจเลยซึ่งได้ลามไปแม่น้ำสาละวินแล้ว เหมืองเหล่านี้กำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ไม่รู้เป็นของบริษัทอะไร อาจจะรู้ว่าเป็นรายย่อยแต่ไม่มีกลไกควบคุมกำกับ แม่น้ำสายในรัฐฉาน ปี 2020 มีการเปิดหน้าดิน 3-4 จุด แต่ในปี 2025 เพิ่มขึ้นเป็น 14 จุด เรากำลังพูดถึงเหมืองอะไรไม่รู้มั่วๆเต็มไปหมดของผู้ลงทุนรายย่อยหรือรายใหญ่ แต่ว่าทำเป็นแบ่งตัวเป็นรายย่อยเหล่านี้ในพื้นที่ที่มันไม่รู้ว่าใครเป็นเจ้าของพื้นที่ ไม่รู้ว่าใครถือกฎหมายกำกับ แต่ที่แน่ ๆ เราไม่เห็นว่ามันมีมาตรฐานการดูแลสิ่งแวดล้อมหรือสิทธิมนุษยชน

สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับแม่น้ำ กก สาย รวก โขง ลงไปถึงโขงตอนล่าง สคพ.9 มีการตรวจพบสารหนูเกินค่ามาตรฐานที่ อ.เชียงคาน จ.เลย จ.หนองคาย จ.บึงกาฬ ลงไปถึง จ.นครพนม เท่ากับว่าแม่น้ำโขงพรมแดนตั้งแต่เชียงรายไปถึงตอนล่างตรงข้ามเวียงจันทน์มีความอันตรายไปเรียบร้อยแล้ว

“ดิฉันคิดว่ายังไม่สายที่รัฐบาลไทย รัฐบาลในภูมิภาคและรัฐบาลที่เกี่ยวข้องจะมองเสียทีว่านี่คือวาระของประเทศไทย วาระของภูมิภาค เป็นเรื่องความมั่นคงของมนุษย์ กระทบกับภูมิภาค เราอยากเห็นประชาชนของเราอยู่กับสภาพอากาศแย่มาหลายปี ปล่อยให้แม่น้ำของเราถูกบริษัทอะไรไม่รู้มาทำเหมือง พ่นสารพิษลงแม่น้ำลงในระบบนิเวศที่ใหญ่ที่สุดของภูมิภาคแบบนี้ หากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างคณะกรรมการลุ่มแม่น้ำโขงจะจัดการอะไรได้ เราอาจไม่เคยเจอปัญหาแบบนี้ ไม่เคยมีกฎหมายเหล่านี้มาก่อนแต่เราจะทำอย่างไรเพื่อรับมือกับมันให้ได้ การทำเหมืองที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนผ่านพลังงานอย่างน้อยที่สุดคุณต้องเคารพสิทธิมนุษยชน และต้องเคารพโลกใบนี้ ความหลากหลายทางชีวภาพจะต้องได้รับการคุ้มครอง” นางสาวเพียรพร กล่าว

อย่างไรก็ตามขณะนี้เรายังมีโอกาสที่จะแก้ไขได้ การดูแลฟื้นฟูเยียวยา การเยียวยาประชาชนที่กำลังเดือดร้อนในขณะนี้ รายได้ที่สูญเสียไปจากการประมง ท่องเที่ยว หรืออื่น ๆ ที่เคยมีรายได้ แต่ชาวบ้านสูญเสียไปโดยที่ไม่มีทางเลือกเลย การฟื้นฟูเยียวยาจะทำอย่างไร แล้วก็สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ นานาชาติตอนนี้ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งกับสิทธิของธรรมชาติ

ทั้งนี้การประชุมของ MRC ที่มีตัวแทนจาก 4 ประเทศ มาประชุมที่จังหวัดเชียงราย เข้าใจว่าจะมีรัฐมนตรีของทั้ง 4 ประเทศที่กำกับดูแลคณะกรรมการแม่น้ำโขงของไทย กัมพูชา ลาว และเวียดนาม ที่คิดว่าน่าจะเป็นโอกาสดีที่จะมีการยกวาระฉุกเฉินเร่งด่วนเข้ามาพิจารณา หากเราใช้วาระนี้ในการพูดคุยว่าเราจะแก้ไขอย่างไร ทั้งเฉพาะหน้า ทั้งระยะยาว และการยุติเหมือง

Related Posts

Send this to a friend