คาดอีก 3 เดือนไทยเผชิญปัญหาภัยแล้ง! ชี้ต้องเตรียมการป้องกัน-รับมือสถานการณ์เอลนีโญ
สำนักงานนวัตกรรมและพันธกิจเพื่อสังคม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ร่วมกับคณะทำงานผู้รับพระราชทานทุนมูลนิธิอานันทมหิดล แผนกเกษตรศาสตร์ จัดเสวนาทางวิชาการ เรื่อง ”จะเตรียมรับมือภัยแล้งจากสถานการณ์เอลนีโญ กันอย่างไร” เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และเตรียมพร้อมรับมือกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้น ณ ห้องประชุมธีระ สูตะบุตร อาคารสารนิเทศ 50 ปี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน โดยมีประเด็นสำคัญดังนี้
รศ.ดร.วิษณุ อรรถวานิช นักวิชาการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการเกษตร คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวถึงเอลนีโญและผลกระทบต่อประเทศไทยว่าส่งผลให้อุณหภูมิจะร้อนกว่าปกติ มีฝนน้อยคือร้อนและแล้ง ในอีกสามเดือนข้างหน้าคาดว่าจะเกิดเอลนีโญ 100% ซึ่งรอบนี้จะสร้างผลกระทบสูง โดยเฉพาะภาคเกษตรซึ่งเป็นภาคส่วนที่ใช้น้ำมากที่สุด รวมถึงการประมง ผลผลิตสัตว์น้ำก็ลดลง ทั้งนี้ จังหวัดที่มีความเสี่ยงมากจะอยู่ในภาคใต้และภาคตะวันออก ส่วนภาคอุตสาหกรรมกังวลเรื่องการใช้น้ำและมีการเสียโอกาส ชุมชนเมืองต้องระวังโรคลมแดด น้ำเค็มบุกรุก กระทบกับการผลิตน้ำประปา รวมถึงประเทศไทยมีความเสี่ยงติด TOP 5 ประเทศที่พื้นที่ปะการังหายไปเรื่อย ๆ
ศ.ดร.พูนพิภพ เกษมทรัพย์ คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวถึงแนวทางการเตรียมรับมือด้านการเกษตรและการปรับตัวของเกษตรกรว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์การเกษตร มีแผนการรองรับภัยแล้งประจำปีโดยส่งเสริมการปลูกพืชทดแทน ปลูกข้าวแบบเปียกสลับแห้งเพื่อประหยัดน้ำ ปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อย ใช้พันธุ์พืชที่เหมาะสมกับสภาพโลกรวน ปรับโครงสร้างดินให้อุ้มน้ำมากขึ้น ทั้งนี้ ต้องเตรียมการป้องกันปัญหาให้แข็งแกร่งมากขึ้น
ผศ.ดร.นิสา เหล็กสูงเนิน คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวถึงแนวทางการเตรียมรับมือด้านบริหารจัดการทรัพยากรป่าไม้ว่า ผลกระทบต่อป่าไม้คืออาหารและผลผลิตจากป่าจะลดลง นอกจากนี้ ต้องพิจารณาว่าภัยแล้งจะรุนแรงขนาดไหน ยาวนานเพียงใด ถ้ารุนแรงต้นไม้จะเกิดการติดดอกที่มากผิดปกติเพราะต้นไม้กลัวตาย และพอหลังภัยแล้งแล้วจะติดผลมากเป็นพิเศษตามมา เป็นการดูแลเยียวยาตัวเอง
สำหรับประเทศไทยมีทั้งป่าไม้ผลัดใบกับป่าไม้ไม่ผลัดใบ ถ้าเป็นป่าไม้ผลัดใบเมื่อเจอภัยแล้งจะทิ้งใบเกิน 50 % ป่าประเภทนี้จะมีอัตราการตายน้อยกว่าป่าไม้ไม่ผลัดใบเมื่อเจอภัยแล้ง เนื่องจากเวลาพืชป่าไม้เจอภัยแล้ง ต้นไม้จะลดจำนวนใบ เพิ่มพลังให้รากแผ่ไปไกล ๆ เพื่อหาพื้นที่น้ำ รวมถึงทิ้งใบแก่ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ใบแก่ก็จะกลายเป็นเชื้อเพลิงก่อให้เกิดไฟป่าได้ โดยปรากฏการณ์เอลนีโญ จึงเป็นปัจจัยแวดล้อมที่ส่งเสริมให้เกิดไฟป่าที่รุนแรงมากขึ้น
รศ.ดร.เจษฎา แก้วกัลยา ผู้ทรงคุณวุฒิคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ กล่าวถึงความสำคัญของการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ เนื่องจากน้ำคือชีวิต มีความสำคัญต่อสรรพสิ่งทั้งมนุษย์และสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ซึ่งเรามีแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี (พ.ศ. 2565–2580) ใช้เป็นแนวทางการบริหารจัดการได้