ENVIRONMENT

นักวิชาการแนะเจ้าท่า เร่งวางบูมกันคราบน้ำมัน

ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ อาจารย์ประจำภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ แสดงความเห็น กรณีเหตุเรือบรรทุกน้ำมันระเบิด ขณะจอดซ่อมที่ท่าเรือแห่งหนึ่ง ใน ต.แหลมใหญ่ อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม ว่า จากสภาพภูมิประเทศและระบบนิเวศทางทะเลในบริเวณดังกล่าว ที่เป็นชายฝั่งน้ำตื้น หาดโคลนและหาดเลน และยังเป็นแหล่งทรัพยากรทางทะเลที่สมบูรณ์

หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จำเป็นต้องเร่งวางบูมดักคราบน้ำมัน ปิดล้อมพื้นที่ ป้องกันคราบน้ำมันรั่วไหลออกสู่สิ่งแวดล้อม เพราะหากมีน้ำมันปนเปื้อนหาดโคลน จะจัดการได้ยาก หรือแทบจัดการไม่ได้เลย ขณะที่ทรัพยากรสำคัญในพื้นที่ เป็นทั้งแหล่งวาฬบลูด้า ลูกปลาทู และหอย ซึ่งเป็นสัตว์หน้าดินที่เสี่ยงได้รับผลกระทบเป็นลำดับแรก

ด้านผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่า จ.สมุทรสงคราม เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังไม่พบคราบน้ำมันไหลออกจากตัวเรือ แต่ข้อมูลเบื้องต้นจากต้นเรือ ทราบว่าเรือดังกล่าวไม่มีน้ำมันบรรทุกเพื่อการขนส่งตกค้าง มีแต่น้ำมันเตาและดีเซลสำหรับใช้เป็นเชื้อเพลิงขับเคลื่อนเรือ ประมาณ 20,000 ลิตร

ขณะที่กรมธุรกิจพลังงาน เร่งประสานคลังน้ำมันบริเวณใกล้เคียง ได้แก่ บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด และ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) สนับสนุนโฟมดับเพลิงเพื่อระงับเหตุ รวมทั้งประสาน บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) สนับสนุนโฟมดับเพลิงเพิ่มเติม และบูมป้องกันคราบน้ำมันกระจายตัว

ทั้งนี้ ประเทศไทยมีสมาคมอนุรักษ์สภาพแวดล้อมของกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำมัน ที่เกิดจากความร่วมมือของบริษัทด้านปิโตรเลียม และปิโตรเคมีหลายบริษัท รวมทั้งผู้ประกอบการขนส่งทางบก ที่ขนส่งน้ำมันและปิโตรเคมี โดยสมาคมนี้ จะจัดหาอุปกรณ์การรับมือน้ำมันรั่วไหลมาเก็บไว้เป็นส่วนกลาง ทั้ง Boom , Skimmer , Absorbant และ Dispersant

โดยจัดเก็บแยกไว้ตามพื้นที่ที่มีกิจกรรมด้านปิโตรเลียมและปิโตรเคมี เช่นที่ศรีราชา (รองรับแหลมฉบัง) , ระยอง (รองรับมาบตาพุด) } สงขลา (รองรับท่าเรือสงขลาและ southern Seaboard) และกรุงเทพฯ (รองรับท่าเรือคลองเตย)

Related Posts

Send this to a friend