ส่องกฎหมายจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ไทย ในวัน “International E-Waste Day”
ข้อมูลจากกรมควบคุมมลพิษ ระบุว่าปี 2563 ประเทศไทยมีปริมาณของเสียอันตรายจากชุมชนกว่า 656,000 ตัน เพิ่มขึ้นจากปี 2562 ร้อยละ 1.6 ในจำนวนนี้ เป็นขยะอิเล็กทรอนิกส์สูงถึงกว่า 428,000 ตัน คิดเป็นร้อยละ 65 จากของจำนวนเสียอันตรายทั้งหมด
ขณะที่ข้อมูลจากมูลนิธิบูรณะนิเวศ พบว่า มีขยะอิเล็กทรอนิกส์ หรือขยะอันตราย หลายประเภทที่ถูกส่งมาจากหลายประเทศทั่วโลกเข้ามายังประเทศไทย ทั้งออสเตรเลีย เยอรมนี อังกฤษ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น เกาหลี เวียดนาม สิงคโปร์ รวมแล้วเฉลี่ยกว่า 1 แสนตันต่อปี โดยเข้ามาในรูปของตู้สินค้า ผ่านการขนส่งทางเรือขึ้นที่ด่านศุลกากร ท่าเรือแหลมฉบัง ที่น่าสนใจของเรื่องนี้ คือปริมาณนำเข้ามา มีจำนวนเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ
ย้อนไปเมื่อวันที่ 2 ก.พ. 2564 คณะรัฐมนตรีรับทราบมาตรการแก้ไขปัญหาการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ ที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ โดยมีข้อสรุปสำคัญ คือ ระหว่างรอกฎหมายเฉพาะ ครม.ให้ใช้กฎกระทรวงการจัดการมูลฝอยที่เป็นพิษหรืออันตรายจากชุมชน พ.ศ. 2563 ดำเนินการไปก่อน โดยให้กรมอนามัยออกกฎกระทรวงสาธารณสุข เพื่อกำหนดให้กิจการถอดแยกขยะอิเล็กทรอนิกส์เป็นกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ และให้เตรียมความพร้อมของหลักเกณฑ์ สุขลักษณะของสถานประกอบกิจการถอดแยกและวิธีการถอดแยกอย่างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมตามมาตรา 31 แห่ง พรบ.การสาธารณสุข พ.ศ. 2535 โดยให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือน
ให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ผลักดันให้ท้องถิ่นออกข้อบัญญัติท้องถิ่นตามกฎกระทรวงสาธารณสุข เพื่อกำหนดให้กิจการถอดแยกซากขยะอิเล็กทรอนิกส์เป็นกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ตามมาตรา 32 แห่ง พรบ.การสาธารณสุข พ.ศ. 2535 และให้หน่วยงานกำกับดูแลเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบสถานประกอบกิจการถอดแยกฯ โดยให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 6 เดือน
ให้กรมควบคุมมลพิษ กรมโรงงานอุตสาหกรรม กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กรมอนามัย และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา จัดทำ (ร่าง) พรบ.การจัดการซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิล็กทรอนิกส์ พ.ศ. …. เพื่อให้มีระบบการจัดการขยะอิล็กทรอนิกส์มีประสิทธิภาพ โดยใช้หลักการการขยายความรับผิดชอบของผู้ผลิต ระยะเวลาดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 12 เดือน
ส่วนการแก้ไขปัญหาการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่นำเข้าจากต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ (พณ.) ได้ออกประกาศยกเลิกการนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์แล้ว 428 รายการ ตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้ขยะอิเล็กทรอนิกส์เป็นสินค้าที่ต้องห้ามในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. 2563 มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษาไปเมื่อวันที่ 14 กันยายน 2563
ให้กรมโรงงานอุตสาหกรรม กำหนดเงื่อนไขการนำเข้าเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้แล้ว เพื่อควบคุมชนิดและปริมาณเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้แล้วที่เหมาะสมกับความต้องการที่แท้จริงของประเทศ ระยะเวลาดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 6 เดือน และให้กรมศุลกากรและกรมโรงงานอุตสาหกรรม จัดให้มีระบบการตรวจสอบตู้บรรทุกสินค้าอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันการนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์อย่างผิดกฎหมายหรือการสำแดงเท็จ ระยะเวลาดำเนินการให้แล้วเสร็จ ภายใน 6 เดือน