ENVIRONMENT

วิกฤตแม่น้ำสาละวิน ชาวบ้านสับสนข้อมูลปม ‘ปนเปื้อนโลหะหนัก’

กระทบหนักไม่กล้ากินปลา-ปลูกผัก นักวิชาการแนะงดบริโภคชั่วคราว จี้ตั้งวงถกหาทางออก

วันนี้ (5 ธ.ค. 68) ที่ริมแม่น้ำสาละวิน หมู่บ้านแม่สามแลบ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน มูลนิธิภูมิปัญญาชาติพันธุ์ ร่วมกับองค์การบริหารส่วนตำบลแม่สามแลบ อุทยานแห่งชาติสาละวิน กองร้อยทหารพรานที่ 3604 และเครือข่ายภาคประชาชน จัดงาน “คืนชีวิตให้แม่น้ำสาละวิน ประจำปี 2568” โดยมีชาวบ้านทั้งฝั่งไทยและรัฐกะเหรี่ยง นักเรียน และเจ้าหน้าที่กว่า 200 คนเข้าร่วม ท่ามกลางความกังวลต่อสถานการณ์การปนเปื้อนสารโลหะหนักในแม่น้ำสาละวิน

นายไวยิ่ง ทองบือ ประธานมูลนิธิภูมิปัญญาชาติพันธุ์ กล่าวเปิดงานว่าประชาชนชาติพันธุ์รวมตัวกันเป็นปีที่ 4 เพื่อแสดงเจตนารมณ์หวงแหนทรัพยากรธรรมชาติ แม้ปีนี้จะเผชิญปัญหาการปนเปื้อนในแม่น้ำ แต่ชาวบ้านยังคงมุ่งมั่นดูแลสิ่งแวดล้อม ไม่ทิ้งขยะลงแม่น้ำ

น.ส.เพียรพร ดีเทศน์ กรรมการบริหารมูลนิธิแม่น้ำและสิทธิ (Rivers and Rights) และมูลนิธิพัฒนาชุมชนและเขตภูเขา (พชภ.) เปิดเผยข้อมูลที่น่ากังวลว่า แม่น้ำสาละวินที่เคยใสสะอาดกำลังปนเปื้อนโลหะหนักและเป็นพิษ โดยตรวจพบสารหนูและปรอท ภาพถ่ายดาวเทียมระบุว่ามีการทำเหมืองแร่ในลุ่มน้ำสาละวินมากถึง 150 แห่ง รวมถึงเหมืองแร่แรร์เอิร์ทในรัฐฉาน เขตอิทธิพลของกองกำลังว้า (UWSA) ซึ่งเป็นต้นน้ำ
“ปัญหาการปนเปื้อนแม่น้ำสาละวิน ประชาชนต้องรับทราบเพื่อให้สามารถหลีกเลี่ยงความเสี่ยง และเรียกร้องให้รัฐบาลตรวจสอบแหล่งกำเนิดมลพิษ คือเหมืองที่ไร้การควบคุม ว่าคือเหมืองแร่อะไร ใครเป็นเจ้าของ ปล่อยสารพิษอะไรลงสู่ต้นน้ำลำธาร เพราะหากปล่อยนานไปเหมืองเหล่านี้จะยิ่งเพิ่มขึ้นอีก ความหายนะจะทวีความรุนแรงมากกว่านี้”

น.ส.อภิญญา กาดขุนทด ผู้เชี่ยวชาญด้านมลพิษสิ่งแวดล้อม สถาบันพัฒนาระบบประเมินผลกระทบทางสุขภาพโดยชุมชน (CHIA Platform) เตือนว่าสารหนูเป็นสารก่อมะเร็ง สะสมในห่วงโซ่อาหารและร่างกาย อาจใช้เวลา 5-10 ปีกว่าจะแสดงอาการ แนะนำให้ลดการใช้น้ำปนเปื้อน เลี่ยงใช้น้ำจากแม่น้ำสาละวินโดยตรง และหันไปใช้น้ำจากลำห้วยสาขาหรือประปาภูเขาแทน ส่วนพืชผักริมน้ำกินได้แต่ไม่ควรกินทุกวัน สำหรับปลาควรเลือกกินปลาตัวเล็กหรือปลากินพืช เพราะปลาตัวใหญ่ที่เป็นนักล่าจะสะสมสารพิษมากกว่า และควรงดกินพุงปลา สตรีมีครรภ์ควรหลีกเลี่ยงเพื่อลดความเสี่ยง

“สารหนูไม่ได้อยู่แค่ในตะกอน แต่ละลายในน้ำ การใช้สารส้มแค่ทำให้ตกตะกอน การต้มน้ำก็ช่วยไม่ได้ แต่ยังมีส่วนที่ละลายในน้ำ”

ด้านผลกระทบต่อชุมชน นายสุภาพ นุชนงคราญ ผู้ใหญ่บ้านแม่สามแลบ ระบุว่าชาวบ้านเกิดความสับสนต่อข้อมูลของราชการ ที่ระบุว่าสารโลหะหนักยังไม่เกินมาตรฐานแต่ไม่ควรกินบ่อย ส่งผลให้ชาวบ้านไม่กล้ากินปลาและไม่มีคนรับซื้อ รายได้จากการประมงหายไป รวมถึงเกษตรกรที่เริ่มฤดูกาลเพาะปลูกริมน้ำในเดือนพฤศจิกายน ทั้งถั่ว ฟักทอง และยาสูบ ต่างลังเลไม่กล้าปลูกเพราะไม่มั่นใจความปลอดภัย จึงอยากเรียกร้องให้รัฐบาลจัดหาน้ำอุปโภคบริโภคจากลำห้วยแม่ปอที่มีน้ำตลอดปีมาทดแทนน้ำจากแม่น้ำสาละวินที่ไม่เพียงพอในฤดูแล้ง

สอดคล้องกับ นายสะท้าน ชีววิชัยพงศ์ ผู้ประสานงานเครือข่ายประชาชนลุ่มน้ำยวม เงา เมย สาละวิน ที่กล่าวว่าชาวบ้านกังวลและตระหนก โดยเฉพาะบ้านสบเมยที่เคยมีรายได้จากการจับปลาเดือนละเป็นหมื่นบาท ขณะนี้ขายไม่ได้เลย และยังกังวลลามไปถึงปลาในลำน้ำสาขาที่อพยพมาจากแม่น้ำสาละวิน นอกจากนี้ชาวบ้านยังต้องการให้ตรวจสอบการปนเปื้อนในกุ้งและหอยด้วย ไม่ใช่ตรวจเพียงแค่ปลา แม้ทางจังหวัดจะยืนยันว่าบริโภคได้ แต่ประชาชนต้องการความชัดเจนมากกว่านี้

ขณะที่ รศ.อภินันท์ สุวรรณรักษ์ คณบดีคณะเทคโนโลยีการประมงและทรัพยากรน้ำ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ให้ความเห็นแย้งว่า ขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุปชัดเจนว่าปลาปนเปื้อนระดับใด จึงควรงดบริโภคไปก่อนเพื่อความปลอดภัย โดยจะเร่งหาข้อสรุปภายใน 2-3 เดือน พร้อมแนะให้รัฐบาลนำบทเรียนการปนเปื้อนในแม่น้ำกก สาย รวก และโขง มาใช้ตัดสินใจ เร่งเชิญผู้เชี่ยวชาญหารือวางแผนแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ เพื่อนำข้อมูลไปเจรจากับประเทศเพื่อนบ้านต่อไป

Related Posts

Send this to a friend