‘ผศ.สิตางศุ์’ เสนอตั้งคณะทำงาน 5 ฝ่าย แก้สารปนเปื้อนน้ำกก-สาย-โขง
‘ผศ.สิตางศุ์’ เสนอแผนตั้งคณะทำงาน 5 ฝ่ายแก้สารปนเปื้อนน้ำกก-สาย-โขง แนะผู้ว่าฯเชียงรายประกาศพื้นที่ภัยพิบัติ
วันนี้ (2 มิ.ย. 68) ผศ.ดร.สิตางศุ์ พิลัยหล้า ภาควิชาวิศวกรรมทรัพยากรน้ำ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้โพสต์เฟสบุคระบุว่า ป่านนี้แล้ว แต่ทำไมคนเชียงรายยังใช้น้ำดิบที่คาดว่าปนเปื้อนโลหะหนักผลิตน้ำประปา ทำไมการแก้ปัญหายังดูงุนงง สับสน อลหม่าน ทำไมไม่เห็นการ take action ที่มีแบบแผนชัดเจน แต่กลายเป็นต่างฝ่ายต่างทำจนงงไปหมด
“ท่ามกลางความสับสนเรื่องข้อมูลการปนเปื้อน ที่ตอนนี้ต่างคนต่างตรวจ ต่างคนต่างพูด ท่ามกลางความไม่เชื่อใจกัน ระหว่าง รัฐ-ชาวบ้าน-นักวิชาการ ท่ามกลางการจัดการที่ไม่รู้แน่ว่าใครเป็นเจ้าภาพ หรือ ใครกำลังทำเรื่องอะไรอยู่ /ท่ามกลางความชุลมุนเหล่านี้ที่แน่ๆ คือ ยังไม่มีการประกาศภัยพิบัติ ระดับจังหวัดประชาชนยังคง(ต้อง)ใช้น้ำดิบที่คาดว่าปนเปื้อนนี้ในการผลิตน้ำประปา และ มีการดื่มโชว์ พร้อมกับบอกว่า น้ำประปาใช้ได้ แต่อย่าใช้น้ำดิบโดยตรง มีความไม่เชื่อใจกัน ระหว่าง ชาวบ้าน-ราชการ-นักวิชาการ-รัฐบาลนำมาสู่ ความไม่เชื่อในข้อมูลการวิเคราะห์น้ำ สัตว์น้ำ ตะกอน” ผศ.ดร.สิตางศุ์ ระบุ
นักวิชาการด้านน้ำจากมหาวิทยาลัยเกษตรฯระบุด้วยว่า ขอเสนอไปยังระดับผู้บริหารของหน่วยงานราชการ และ รัฐบาลโดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายประกาศภัยพิบัติ เพื่อใช้งบฉุกเฉินที่มีในมือ 20 ล้าน ขับเคลื่อนการพิสูจน์-แก้ปัญหาเฉพาะหน้า-ร่วมวางแผนระยะกลางถึงยาว ขณะที่ส่วนกลางตั้งคณะทำงาน 5 ฝ่าย ประกอบด้วย 1.ผู้แทนส่วนราชการในพื้นที่(จังหวัดเชียงราย) 2.คณะนักวิชาการอิสระที่มีความเชี่ยวชาญในแต่ละสาขา จากหลายสถาบัน อาทิ ด้านน้ำและตะกอนท้องน้ำ ดิน สัตว์ในน้ำ พืชในน้ำ สุขอนามัยประชาชน เป็นต้น 3.ตัวแทนฝ่ายความมั่นคง เพราะนี่เป็นเรื่องแม่น้ำนานาชาติ และเกี่ยวข้องกับต่างประเทศ 4. ตัวแทนภาคประชาชน 5.ตัวแทนจากรัฐบาลส่วนกลาง
ผศ.ดร.สิตางศุ์ระบุด้วยว่า แบ่งการทำงานอย่างน้อย 3 เรื่อง ซึ่งควรมีการตั้งคณะทำงานย่อยในแต่ละเรื่องให้ชัดเจน คือ1. ด้านความมั่นคง การเจรจาระหว่างประเทศ ระหว่างรัฐบาลไทย-จีน-ว้า (พม่า) เพื่อหยุดกิจกรรมที่ก่อให้เกิดการปนเปื้อนที่แหล่งกำเนิด อย่างน้อยก็ควรหยุดชั่วคราว จนกว่าจะหาทางออกที่ดีร่วมกันได้ 2. ด้านสิ่งแวดล้อม ก่อนอื่นพิสูจน์ความจริงร่วมกันให้รู้ขอบเขตการปนเปื้อน ทั้งในน้ำ /ตะกอนท้องน้ำในระดับลึกลงไป 5-10 cm / ดิน /คน /สัตว์น้ำ / พืช เพื่อจะได้ทราบความรุนแรงของสถานการณ์ว่าไปขนาดไหนแล้วและจะได้วางแผนแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ถูก รวมทั้งวางแผนแก้ปัญหาระยะกลาง-ยาว ได้ 3.ด้านสุขอนามัยของประชาชนทีมแพทย์ พยาบาล สาธารณสุขระดับจังหวัด ลงพื้นที่ตรวจเลือดประชาชนที่มีความเสี่ยงก่อนเลย กลุ่มผู้ชรา เด็ก อาจมีความอ่อนไหวต่อการรับโลหะหนักผ่านทางน้ำ อาหาร รวมทั้งให้การรักษาผู้เจ็บป่วย (ถ้ามี)
“ถ้าผู้ว่าราชการจังหวัดเห็นว่าเรื่องน้ำสำคัญต่อชีวิตคนทั้งจังหวัด ทั้งลุ่มน้ำ ก็ควรประกาศภัยพิบัติ แล้วใช้งบจังหวัด ที่ผู้ว่าฯมีอยู่ในมือ 20 ล้าน (ใช้หมด ก็มีมาเติมได้อีก ไม่ใช่หมดแล้วหมดเลย) ขอเทียบเคียง การทำงานเพื่อพิสูจน์ความจริง กรณีเหมืองทองอัครา ที่พิจิตร มีการตั้งคณะทำงาน 5 ฝ่าย โดย คสช.ต่อมามีการคณะพิสูจน์ความจริงและคณะทำงานย่อย” ผศ.ดร.สิตางศุ์ ระบุ