ผู้ฟ้องคดีกล่าวอีกว่า แม้เขื่อนไซยะบุรีจะขายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ให้แก่กฟผ.แล้ว แต่บริเวณท้ายน้ำของเขื่อน ได้เกิดความเปลี่ยนแปลงของระบบนิเวศแม่น้ำโขงเป็นที่ประจักษ์ กฟผ. ควรศึกษาผลกระทบในขณะที่เปิดประตูระบายน้ำให้แม่น้ำไหลปกติ และจัดทำมาตรการบรรเทาผลกระทบในทันที
นายชาญณรงค์ วงลา สมาชิกกลุ่มฮักเชียงคาน จ.เลย และผู้ฟ้องคดี กล่าวว่า ตั้งแต่เริ่มใช้งานเขื่อนในเดือนกรกฎาคม 2562 เป็นต้นมา ชาวเชียงคานพบว่าระดับน้ำโขงต่ำลงกว่าปกติมาก และขึ้นลงผิดธรรมชาติ และสาหร่ายเกิดขึ้นทั้งที่ไม่เคยมีมาก่อน ต้นไคร้ตามเกาะแก่งแห้งตาย ปลาที่ชาวประมงจับได้ ก็เป็นปลาที่ผิดฤดูกาล เช่น จับได้ปลาเกล็ด ที่ปกติแล้วควรจับได้ในเดือนมีนาคม-พฤษภาคม เพราะน้ำโขงแห้งตลอด ความกังวลของคนที่พึ่งพาแม่น้ำโขง คือในอนาคตปริมาณปลาในแม่น้ำโขงอาจลดลงในระยะยาว เมื่อแม่น้ำโขงลดลง น้ำสาขาต่างๆ ก็ถูกดึงลงไป ไม่มีน้ำท่วมหลาก ปลาไม่สามารถเข้าไปวางไข่ในลำน้ำสาขาและพื้นที่ชุ่มน้ำได้โดยการยื่นเอกสารเพิ่มเติมนี้ อยากให้ศาลมีคำสั่งโดยไว ให้ระงับการซื้อไฟฟ้าจนกว่าจะมีมาตรการในการแก้ไขปัญหาผลกระทบสิ่งแวดล้อมข้ามพรมแดน โดยหน่วยงานที่รับผิดชอบ