‘รักชาติ’ แนะรัฐบาล ต้องกล้าปราบ ‘ทุนสีเทา’ ชายแดนใต้
‘รักชาติ’ แนะรัฐบาล ต้องกล้าปราบ ‘ทุนสีเทา’ ชายแดนใต้ ประชาชนไม่เชื่อมั่นเจ้าหน้าที่รัฐ เกี่ยวข้องผลประโยชน์หรือไม่ ต้องแก้ให้ได้ก่อนหวังผลเจรจาสันติภาพ
วันนี้ (8 ต.ค. 68) นายรักชาติ สุวรรณ สมาคมเพื่อสันติภาพและการพัฒนา เปิดเผยว่า สถานการณ์ภาคใต้ ความยืดเยื้อของปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้กว่า 20 ปี มีรากฐานจาก ความซับซ้อน และ การขาดความเชื่อมั่น ที่ประชาชนมีต่อภาครัฐอย่างรุนแรง พร้อมแนะว่า รัฐบาลใหม่ต้องใช้ความกล้าหาญทางการเมือง เปิดอกรับฟัง และจัดการแหล่งผลประโยชน์สีเทาให้สิ้นซาก เพื่อสร้างความสงบให้เกิดขึ้นจริง ก่อนจะพูดคุยเรื่องสันติสุขได้สำเร็จ ในขณะที่งบประมาณมหาศาล สวนทางความเปลี่ยนแปลง
นายรักชาติ สุวรรณ์ จากสมาคมเพื่อสันติภาพและการพัฒนา กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 20-21 ปีที่ผ่านมา แม้รัฐจะทุ่มเทงบประมาณมหาศาลหลายแสนล้านบาท รวมถึงบุคลากรจำนวนมากเข้ามาในพื้นที่ แต่คนในพื้นที่กลับไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงที่เป็นรูปธรรม
“เราไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงอะไรภายในพื้นที่เราตลอด 20 ปี 21 ปี.เราเจอแต่เหตุรายวันตลอด”
นายรักชาติกล่าวว่าแม้ช่วงหลังเป้าหมายของเหตุการณ์อาจเปลี่ยนจากพลเรือนเป็นเจ้าหน้าที่รัฐบ้าง ก็เป็นไปตามกระบวนการพูดคุย แต่ในภาพรวม ภาครัฐยังไม่ประสบความสำเร็จ ในการทำงานเพื่อยุติความไม่สงบ
“ ปัจจุบันคนในพื้นที่เริ่มส่งสัญญาณความไม่เชื่อมั่นออกมาอย่างชัดเจน เช่น เมื่อลงพื้นที่ก็ได้รับเสียงสะท้อนจากชาวบ้านทั้งพุทธและมุสลิมว่า ด่านเยอะ ทำไมปล่อยให้หลุดไปได้ซึ่งนำไปสู่การตั้งคำถามต่อภาครัฐว่า มีประเด็นอะไรหรือเปล่าหรือเกี่ยวข้องกับ แหล่งทุนสีเทาที่ทำให้เกิดเหตุการณ์หรือไม่”
นายรักชาติ เชื่อว่า เป็นไปได้ ที่มีความจริงบางอย่างในพื้นที่ที่ไม่สามารถพูดออกมาได้ โดยเฉพาะในระดับชาวบ้านที่มักจะไม่เปิดใจกับภาครัฐ ทำให้เกิดการตั้งข้อสังเกตและตั้งคำถามว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่ามานานกว่า 20 ปี ท่ามกลางงบประมาณและด่านตรวจที่มากมาย แต่เหตุการณ์กลับยังเกิดขึ้นต่อเนื่อง รัฐต้องสร้างความเข้าใจ ก่อนใช้กำลัง
นายรักชาติ สุวรรณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัญหาความไม่สงบมีรากฐานจาก ความซับซ้อนและสิ่งที่ทำให้ปัญหายืดเยื้อคือ ความเชื่อมั่นที่สูญเสียไป สิ่งที่รัฐต้องทำเร่งด่วนที่สุดคือ การสร้างความเชื่อมั่น ให้กับคนในพื้นที่ โดยการ “เปิดอก เปิดใจ” เพื่อสร้างความเข้าใจ ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญที่สุดที่ต้องทำ ก่อนการใช้กำลัง เนื่องจากหากรัฐไม่สามารถสร้างความเข้าใจได้ ความพยายามทั้งหมดของรัฐจะกลายเป็น ความไม่เข้าใจไปทั้งหมด และสุดท้ายจะนำไปสู่ ความไม่เชื่อมั่น ที่ทำให้สถานการณ์ความไม่สงบดำเนินต่อไปได้
นายรักชาติ ระบุว่า ปัญหาความรุนแรงที่เกิดขึ้นในปัจจุบันไม่ได้มีเพียงแค่เรื่องความมั่นคงเท่านั้น แต่มีเรื่องของ ผลประโยชน์ และ แหล่งทุนสีเทา เข้ามาเกี่ยวข้องอย่างชัดเจน
ดังนั้น รัฐบาลใหม่จึงต้องใช้ ความกล้าหาญทางการเมือง ในการแก้ไขปัญหา ไม่ใช่แค่การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า แต่ต้องยอมรับความจริงบางอย่างเรื่องแหล่งผลประโยชน์สีเทาที่เกี่ยวข้องกับความไม่สงบ หากรัฐบาลสามารถปราบปรามแหล่งทุนสีเทาได้อย่างชัดเจน จะทำให้ปัญหาคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้นได้หยุดสงบให้ได้ก่อน จึงจะเจรจาสันติสุขได้
“ข้อเสนอแนะที่สำคัญคือ การพูดคุยสันติสุขจะเกิดขึ้นได้จริงก็ต่อเมื่อ ความสงบเรียบร้อยได้เกิดขึ้น แล้ว ไม่ใช่การเจรจาภายใต้บริบทของความไม่สงบ ดังนั้น หากต้องการให้การพูดคุยเดินหน้า รัฐบาลต้องหยุดความไม่สงบให้ได้ก่อน โดยการ แยกแยะ ว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นจากเรื่องความมั่นคงเพียงอย่างเดียว หรือมีเรื่องของผลประโยชน์สีเทาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย”
นายรักชาติ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า รัฐบาลชุดใหม่ต้องยอมรับความเป็นจริงในเรื่อง ความซับซ้อนของปัญหา และสร้างความเชื่อมั่นในทุกมิติ เพื่อป้องกันไม่ให้การแก้ไขปัญหากลับไปที่ จุดเดิม ซึ่งจะทำให้ความไม่สงบดำเนินต่อไปได้อีกยาวนาน












