เธอยังเล่าว่า ได้ทำงานในแม่น้ำโขงอีกหลายครั้ง เนื่องจากแม่น้ำโขงซึ่งเป็นแม่น้ำของภูมิภาคที่หลายประเทศเป็นเจ้าของร่วมกัน ได้มีโครงการสร้างเขื่อนหลายเขื่อนตลอดสายน้ำ เรียกได้ว่าถ้าเกิดขึ้นครบทุกเขื่อนก็เท่ากับตัดแม่น้ำออกเป็นท่อนๆ จะนำพาความหายนะมาสู่แม่น้ำโขงและผู้คนที่อาศัยสายน้ำนี้ยังไม่ต้องสงสัย ขณะนี้ตอนเหนือแม่น้ำโขงหรือแม่น้ำหลานชางที่อยู่ในเขตประเทศจีนได้มีการสร้างเขื่อนแล้ว 11 เขื่อน ที่กำลังสร้างปัญหาอย่างหนักให้แก่ประเทศปลายน้ำ อย่างประเทศไทย ลาว กัมพูชา ไปจนถึงเวียดนาม เพราะการขึ้นลงของแม่น้ำเปลี่ยนไป พืชและพันธุ์ปลาหลายชนิดสูญพันธุ์
นอกจากทำงานเกี่ยวกับแม่น้ำ โครงการศิลปะชุมชนยังทำงานทางทะเล ในการพูดถึงพลังงานถ่านหินที่เป็นพลังงานก่อมลพิษ ไม่เป็นผลดีต่อมนุษย์และสภาพแวดล้อม ยังพูดถึงสิทธิของชนเผ่าอูรักลาโว้ย กลุ่มชนดั้งเดิมผู้บุกเบิกเกาะลันตาและหลายหมู่เกาะในอันดามัน ผู้ผูกพันกับทะเลและยังชีวิตด้วยการประมงพื้นบ้าน ทำมาหากินอย่างถนอมและเคารพธรรมชาติ วิถีชีวิตเขาอาจหายไปจากประวัติศาสตร์ในเวลารวดเร็วหากเกิดมลพิษจากถ่านหิน รวมถึงการถูกรุกรานจากทุนที่เข้ามาพร้อมอุตสาหกรรม
ประเทศไทยในฐานะที่ก้าวหน้าทางเศรษฐกิจและใช้พลังงานเพื่ออุตสาหกรรมกว่าประเทศเพื่อนบ้าน ได้มีส่วนในการรุกรานเพื่อนบ้านโดยโครงการพัฒนาขนาดใหญ่ ทำให้เกิดผลกระทบข้ามแดนดังเช่นโครงการเศรษฐกิจพิเศษทวาย ประเทศเมียนม่าร์ที่โครงการศิลปะชุมชนได้เข้าไปศึกษาและทำงานร่วมกับเสมสิกขาลัยซึ่งเป็นองค์กรเอกชนที่เข้าไปทำงานร่วมกับเครือข่ายประชาชนชาวทวาย โครงการเศรษฐกิจพิเศษทำให้เกิดการสร้างเขื่อนเพื่อนำพลังงานไปใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมหนัก เกิดท่าเรือน้ำลึกเพื่อการขนส่ง
“สิ่งเหล่านี้จะก่อให้เกิดผลกระทบต่อระบบนิเวศ ทะเล แม่น้ำ ป่าเขา อย่างมหาศาล เกิดการอพยพโยกย้ายชุมชน เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตและศิลปวัฒนธรรมอย่างไม่สามารถคาดคำนวณได้”เธอสะท้อนมุมมองของศิลปิน