เมื่อความงามขับเคลื่อนโลก: เรียนรู้จากความสำเร็จของ ลอรีอัล กรุ๊ป
เมื่อโลกธุรกิจไม่ได้หยุดแค่ Green หรือ Clean แต่ไปถึงการตั้งเป้าตามหลักวิทยาศาสตร์โดยคำนึงถึงขีดจำกัดความปลอดภัยของโลกเป็นที่ตั้ง
ในยุคสมัยที่ทุกองค์กรให้ความสนใจ และใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม โดยต่างตั้งเป้าสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์สีเขียวเพื่อสิ่งแวดล้อม (Green หรือ Clean Product) แต่เราเคยถามตัวเองไหมว่าเท่านี้ เพียงพอหรือไม่
ผลิตภัณฑ์ที่ถูกสร้างสรรค์มาด้วยสุดยอดเทคโนโลยี ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค แต่กลับยังมาในบรรจุภัณฑ์ที่ไม่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หรือใช้ได้เพียงครั้งเดียวก็ต้องโยนทิ้งไป ผ่านกระบวนการผลิตที่ใช้พลังงานมหาศาล มาจากวัตถุดิบที่มาจากการเบียดเบียนธรรมชาติขนานใหญ่ สร้างขยะ หรือของเหลือจากการผลิตจำนวนมาก ดีพอสำหรับโลกใบนี้ และความ Green แล้วหรือยัง?
หรือควรต้องทำอย่างหมดจด ให้ความสำคัญตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ไปจนถึงปลายน้ำ แม้การทำเช่นนั้นจะเพิ่มต้นทุน และต้องใช้ความพยายามมากขึ้นกว่าเดิมมหาศาล?
การกำหนดเป้าหมายความยั่งยืน บนพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ (ไม่ใช่ตามเกณฑ์ที่คิดเองว่าต้องทำ)
ลอรีอัล กรุ๊ป เป็นหนึ่งในบริษัทระดับโลก ที่ให้ความสำคัญด้านการดำเนินธุรกิจบนพื้นฐานความยั่งยืนมาอย่างต่อเนื่อง โดยเล็งเห็นว่า การกำหนดเป้าหมายความยั่งยืนนั้น ต้องตั้งเป้าหมายโดยอิงหลักวิทยาศาสตร์ (Science Based Targets) และเคารพในขีดจำกัดที่โลกสามารถรับไหว ไม่ใช่การกำหนดขึ้นเอง หรือกำหนดตามเกณฑ์ที่ต้องทำเพื่อประโยชน์ทางธุรกิจ ลอรีอัล กรุ๊ป เป็นหนึ่งในร้อยบริษัทแรกของโลกที่กำหนดเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกโดยอิงหลักวิทยาศาสตร์ เพื่อให้สอดคล้องตามเป้าหมายควบคุมอุณหภูมิโลกให้เพิ่มไม่เกิน +1.5 องศาเซลเซียส
ในฐานะบริษัทอุตสาหกรรม และผู้ผลิตรายใหญ่ ลอรีอัล เริ่มต้นการลดปริมาณผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากในหน่วยผลิต คือโรงงาน และศูนย์กระจายสินค้า ผ่านการพัฒนาประสิทธิภาพการใช้พลังงานในอาคารสถานที่ เพิ่มการใช้พลังงานหมุนเวียน โดยตั้งแต่ปี 2005 เป็นต้นมา ลอรีอัล กรุ๊ปสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากโรงงาน และศูนย์กระจายสินค้าได้ถึง 81% ทั้งที่มีปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยในปี 2023 ลอรีอัลมีโรงงานที่ใช้พลังงานหมุนเวียน 100% ถึง 131 แห่ง หรือคิดเป็น 79% ของทั้งหมด โดยตั้งเป้าจะใช้พลังงานหมุนเวียน 100% ในโรงงานและไซต์งานทั้งหมดภายในปี 2025!!
สร้างความงามที่ขับเคลื่อนโลกด้วยพันธสัญญาด้านความยั่งยืน L’Oréal For The Future
จากการเปิดวิสัยทัศน์ด้านความยั่งยืนในปี 2013 ด้วยโปรแกรม “แบ่งปันความงามให้ทุกสรรพสิ่ง” หรือ “Sharing Beauty With All” สำหรับปี 2020 สู่ พันธสัญญาด้านความยั่งยืนสำหรับปี 2030 “L’Oréal For The Future” ที่มุ่งยกระดับเร่งการเปลี่ยนแปลงการดำเนินงานโดยคำนึงถึงขีดจำกัดความปลอดภัยของโลกเป็นที่ตั้ง เพื่อสร้างความงามที่ขับเคลื่อนโลก
นายแพทริค จีโร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลอรีอัล ประเทศไทย เมียนมา ลาว และกัมพูชา กล่าวว่า เป็นเวลาหลายทศวรรษแล้วที่ ลอรีอัล กรุ๊ป ตระหนักถึงความจำเป็นในการแก้ไขปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม โดยให้ความสำคัญตั้งแต่ ต้นน้ำ คือ ตั้งแต่การออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ กระบวนการผลิต ไปจนถึงปลายน้ำ คือการส่งมอบสู่มือของผู้บริโภค ไปจนถึงการรีไซเคิลผลิตภัณฑ์ จนปัจจุบัน ก็ยังคงดำเนินธุรกิจเพื่อสานต่อพันธสัญญาด้านความยั่งยืน “L’Oréal for the Future” โดยมีเป้าหมายที่ชัดเจนและเข้มข้นในการยกระดับการทำงานด้านความยั่งยืน เพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกให้สังคมและสิ่งแวดล้อม
พันธสัญญาด้านความยั่งยืน “L’Oréal for the Future” ครอบคลุมตั้งแต่
การพัฒนาผลิตภัณฑ์ (สูตร และส่วนผสม) ที่มีการนำ Green Science หรือวิทยาศาสตร์เพื่อความยั่งยืนมาใช้ในการพัฒนาสูตร โดยคงให้ประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูงสุด การไม่ทดลองกับสัตว์ และด้านส่วนผสมที่นำมาใช้จัดหามาอย่างยั่งยืน เน้นมาจากแหล่งชีวภาพหรือแร่ที่มีมากไม่ขาดแคลนมากที่สุด
ปัจจุบัน 65% ของส่วนผสมจากธรรมชาติของลอรีอัล ได้มาจากแร่ธาตุที่มีมาก เป็นวัตถุดิบที่ย่อยสลายตามธรรมชาติได้ง่าย จาก Green Science กระบวนการทางเคมีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มีความยั่งยืน ใช้พลังงานต่ำ ลดปริมาณของเสีย และใช้น้ำน้อย โดยยังได้คิดค้นนวัตกรรมที่ปฏิวัติขั้นตอนการใช้ และทำให้ผู้ใช้มีไลฟ์สไตล์ที่มีความรับผิดชอบต่อโลกมากขึ้น เช่นการใช้ครีมนวดผมแบบไม่ต้องล้างออกที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ 98% และประหยัดการใช้น้ำถึง 100 ลิตรต่อการใช้ผลิตภัณฑ์ 1 ขวด เป็นต้น
การผลิต ได้แก่ การใช้พลังงานหมุนเวียนในสถานประกอบการ การรีไซเคิลน้ำและใช้ระบบหมุนเวียนในโรงงาน โดยโรงงาน 5 แห่ง ใน 3 ประเทศของลอรีอัล เป็นโรงงานระบบน้ำแบบหมุนเวียนที่น้ำทั้งหมดจะถูกนำมาบำบัด รีไซเคิล และวนกลับมาใช้ใหม่ โดยภายในปี 2030 น้ำที่ใช้ในกระบวนการทั้งหมดจะนำไปรีไซเคิล และวนกลับมาใช้ใหม่
บรรจุภัณฑ์ และการบรรจุหีบห่อ ที่ถูกออกแบบโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมแบบองค์รวมตั้งแต่การออกแบบ ผลิตไปจนถึงการรีไซเคิลบรรจุภัณฑ์หลังการใช้งาน ตั้งแต่ปี 2007 ลอรีอัลได้วางกรอบเป้าหมายเกี่ยวกับบรรจุภัณฑ์ไว้ครอบคลุมรอบด้าน ตั้งแต่การลดความหนาแน่นของบรรจุภัณฑ์ วัสดุที่ใช้ การคิดค้นนวัตกรรมให้สามารถนำบรรจุภัณฑ์กลับมารีไซเคิลได้ พัฒนาการใช้งานแบบรีฟิล รวมถึงใช้วัสดุที่มาจากชีวภาพ ฯลฯ
การจัดการผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ด้วยการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน ไดออกไซด์จากโรงงาน และศูนย์กระจายสินค้าได้กว่า 81% เมื่อนับจากปี 2005 เป็นต้นมา แม้จะมีการผลิตที่เพิ่มขึ้น จนทำให้ ลอรีอัลเป็นบริษัทเดียวในโลก ที่ได้รับคะแนนระดับ “A” ในการจัดอันดับทั้งสามด้านของ CDP ได้แก่ การต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ การจัดการน้ำอย่างยั่งยืน และการอนุรักษ์ป่าไม้ เป็นเวลา 8 ปีติดต่อกัน
รวมไปถึงแผนงานในอนาคตเพื่อ ให้ผู้บริโภคได้มีส่วนร่วมในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีความยั่งยืน อาทิ การให้ข้อมูลผลิตภัณฑ์ด้านผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมและสังคม โดยเริ่มจากแบรนด์การ์นิเย่ ในรูปแบบคะแนนความยั่งยืนของแต่ละผลิตภัณฑ์ นอกจากนี้การทำงานยังรวมไปจนถึงการสนับสนุนโครงการด้านนวัตกรรมที่ช่วยฟื้นฟูระบบนิเวศที่เสียหาย
นอกจากนี้ ลอรีอัลยังมองไปถึงอนาคตด้วยการให้การสนับสนุน งานวิจัยด้านวิทยาศาสตร์ และบทบาทนักวิจัยสตรีในสายงานวิทยาศาสตร์อย่างต่อเนื่องผ่านโครงการ “เพื่อสตรีในงานวิทยาศาสตร์” (For Women in Science) ผลักดันงานวิจัยคุณภาพให้สามารถนำไปต่อยอดให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมอีกด้วย
ถอดรหัสความสำเร็จในการขับเคลื่อนโลกด้วยความงาม
หากจะถอดรหัสความสำเร็จในการขับเคลื่อนพันธสัญญาเพื่อความยั่งยืน L’Oréal for the Future จุดโฟกัสน่าจะอยู่ที่ 3 จุดใหญ่ๆ คือ การมองเห็นภาพใหญ่ หรือภาพรวมอย่างเต็มระบบ ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ไปจนถึงปลายน้ำ การรู้จักและเข้าใจธุรกิจอุตสาหกรรมความงามที่ตนเองอยู่อย่างถ่องแท้ รวมถึงการพัฒนา Beauty Tech เพื่อมาตอบโจทย์ทั้งผู้บริโภคและการดำเนินธุรกิจเพื่อความยั่งยืน และข้อสุดท้ายที่สำคัญที่สุด คือความกล้าในการตั้งเป้าหมายที่อิงวิทยาศาสตร์ ขีดจำกัดที่รับได้ของโลก และความตั้งมั่น มุ่งมั่นที่จะทำให้เกิดขึ้นจริง ในระยะเวลาที่กำหนดไว้ เพราะทุกการขับเคลื่อนดังกล่าว หมายถึงเม็ดเงินจำนวนมหาศาลที่ต้องใช้ไปกับการวิจัย และพัฒนา การปรับเปลี่ยนโครงสร้าง การปรับเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์ ไปจนถึง mindset ของพนักงานทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งไม่ใช่ทุกบริษัทจะสามารถทำได้
หนึ่งในปัจจัยหลักที่นำไปสู่ความสำเร็จในการสร้างความงามที่ขับเคลื่อนโลก คงไม่พ้น บุคลากรของลอรีอัลในทุกระดับ และการดำเนินนโยบาย One L’Oréal ในการพัฒนาทีมงานเพื่อสร้างแบรนด์ความงามต่างๆ ในเครือให้ครองใจผู้บริโภค เดินหน้าภารกิจด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมตามเป้าหมายพันธสัญญาด้านความยั่งยืน “L’Oréal for the Future” โดยให้ความสำคัญกับบุคลากรเป็นอันดับแรก มุ่งสร้างแบรนด์ให้ครองใจผู้บริโภค และผลักดันบุคลากรให้มีความพร้อม และมีใจในการพัฒนาทักษะเพื่อบรรลุเป้าหมายในอนาคตร่วมกันกับองค์กรนั่นเอง
ชมคลิปวีดีโอ
ติดตามความเคลื่อนไหว และข้อมูลของ ลอรีอัล ประเทศไทยได้ที่ https://www.facebook.com/lorealthailand