ซีพีเอฟ ขยายเวลาโครงการ Faster Payment เพิ่มสุขภาพทางการเงินคู่ค้า SMEs โตต่อเนื่อง
บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ต่อเวลาการดำเนินโครงการ Faster Payment ลดระยะเวลาเครดิตเทอมภายใน 30 วัน ช่วยเสริมความแกร่งสุขภาพทางการเงินของคู่ค้าธุรกิจ SMEs สร้างโอกาสการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
นางสาวธิดารัตน์ เดชายนต์บัญชา รองกรรมการผู้จัดการ ด้านจัดซื้อพัสดุครุภัณฑ์ ซีพีเอฟ กล่าวว่า จากการดำเนินโครงการ Faster Payment เพื่อช่วยเหลือคู่ค้าธุรกิจที่เป็นผู้ประกอบการ SMEs บรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 โดยการลดระยะเวลาเครดิตเทอมเพียง 30 วันตั้งแต่เดือนตุลาคม ปี 2563 ที่ผ่านมา มีส่วนช่วยผู้ประกอบการ SMEs ส่งผลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศได้อย่างมีเสถียรภาพ ล่าสุด ภาพรวมเศรษฐกิจเริ่มกระเตื้องขึ้นบ้าง แต่ยังไม่กลับเข้าสู่ระดับปกติ ซีพีเอฟ จึงได้ขยายเวลาโครงการดังกล่าวอีก 3 เดือนจนถึงเดือนมิถุนายนนี้ โดยหวังที่จะมีส่วนช่วยให้คู่ค้าธุรกิจสามารถปรับตัวได้ท่ามความไม่แน่นอน ตลอดจนเป็นการช่วยเพิ่มขีดความสามารถให้ผู้ประกอบการในการพัฒนาสินค้า หรือช่องทางการตลาดใหม่ๆ เพื่อเพิ่มยอดขายและสนับสนุนการเติบโตอย่างมั่นคง
ทั้งนี้ ซีพีเอฟ ได้ดำเนินโครงการ Faster Payment เพื่อช่วยเหลือและสนับสนุนคู่ค้าธุรกิจที่เป็นกลุ่มผู้ประกอบการรายย่อย หรือ SMEs มีทุนจดทะเบียนไม่เกิน 5 ล้านบาทจำนวนกว่า 6,000 ราย ตอบรับกับนโยบายของเครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือ เครือซีพี ที่ต้องการช่วยเหลือคู่ค้าธุรกิจของบริษัท มีสภาพคล่องทางการเงิน สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่องท่ามกลางวิกฤตโควิด-19
พร้อมกันนี้ ซีพีเอฟ ยังมีแผนที่จะดำเนินโครงการเพื่อช่วยพัฒนาศักยภาพคู่ค้าธุรกิจต่อเนื่อง ผ่านการร่วมมือกับคู่ค้าธุรกิจในการพัฒนาการดำเนินงานให้ถูกต้องตามกฎหมาย และมาตรฐานสากล ส่งเสริมการปฏิบัติที่ดีในด้านแรงงาน สิ่งแวดล้อม รวมถึงการกำกับดูแลกิจการอย่างมีจริยธรรม เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจของบริษัทและคู่ค้าธุรกิจให้สามารถเติบโตไปด้วยกัน เพื่อร่วมสร้างความมั่นคงทางอาหารในระยะยาว
ปีที่ผ่านมา ซีพีเอฟได้ร่วมมือกับกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน จัดงานสัมมนาทางออนไลน์ “CPF Capacity Building for Partnership) เพื่อแบ่งปันประสบการณ์และถ่ายทอดความรู้กฎระเบียบ สิทธิมนุษยชน และการปฏิบัติตามกฎหมายแรงงานให้แก่คู่ค้าธุรกิจได้นำไปปรับปรุงและพัฒนาการดำเนินงาน เพื่อยกระระดับมาตรฐานการดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องตามหลักสากล และสร้างความมั่นใจและการเติบโตทางธุรกิจของคู่ค้าในอนาคต