BUSINESS

ห้างสรรพสินค้าเตรียมความพร้อมรับการช็อปปิ้งวิถีใหม่ และการกลับมาเปิดกิจการยุคโควิด-19

หลังจากคำสั่งปิดห้างสรรพสินค้า มีผลเมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2563 เป็นต้นมาจากการระบาดของโควิด-19 คงเหลือไว้เพียงการเปิดโซนซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านขายยา และร้านอาหารแบบซื้อกลับ ห้างสรรพสินค้าต่างต้องปรับตัวอย่างมากทั้งการเปิดช่องทางช็อปปิ้งออนไลน์ การไดรฟ์ทรู การขายผ่านทาง Line Chat ฯลฯ และต้องหยุดกิจการส่วนใหญ่ของห้างไปตามมาตรการดังกล่าว

เมื่อศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) พิจารณาเตรียมการผ่อนปรนในระยะที่ 2 และห้างสรรพสินค้าเป็นหนึ่งในกลุ่มกิจการ กิจกรรม ที่จะสามารถกลับมาเปิดดำเนินการได้ในวันที่ 17 พฤษภาคม นี้ ห้างสรรพสินค้า และศูนย์การค้าต่างๆ จึงต้องเตรียมความพร้อมเพื่อปฏิบัติตามมาตรการในการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 และเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้เข้าใช้บริการ 

สยามพารากอน และเครือสยามพิวรรธน์

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยอธิบดีกรมอนามัย และผู้บริหารระดับสูงได้เยี่ยมชม และตรวจความพร้อมของห้างก่อนการผ่อนปรนระยะที่ 2

นราทิพย์ รัตตประดิษฐ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายงานปฏิบัติการ บริษัท สยามพิวรรธน์ เปิดเผยว่าห้างมีมาตรการเรื่องสุขอนามัยและมาตรการรองรับตามมาตรฐานของกรมอนามัยอย่างเข้มข้น โดยจะมีการสอบถามซักประวัติ การตรวจสุขภาพของพนักงาน ความพร้อมของการให้บริการ กลุ่มลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ ด้วยการวัดอุณหภูมิ กำชับล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ เว้นระยะห่าง พ่นน้ำยาฆ่าเชื้อช่วงเท้า

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข

ส่วนความเป็นห่วงเรื่องเชื้อโรคที่ปิดตึกกว่า 2 เดือน ยืนยันว่าทางห้างดำเนินการทำความสะอาดตลอดระยะเวลาที่ปิดห้าง ไม่ว่าจะเป็นบิ๊กคลีนนิ่ง ดูแลท่อน้ำทิ้ง หรือการเปิดแอร์ถ่ายเทอากาศ แต่อย่างไรก็ตามยังไม่สามารถยืนยันว่าจะเปิดห้างได้ทั้งหมด 100% เนื่องจากต้องรอประกาศจากทางภาครัฐ ที่จะผ่อนปรนในส่วนของมาตรการโรงหนัง แผนกสินค้าเสื้อผ้าทั่วไป อื่นๆ ที่คาดว่าจะมีการผ่อนปรนในครั้งต่อไป

สำหรับห้างสรรพสินค้าสยามพารากอนจะยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยตอบสนองวิธีการใช้ชีวิตของผู้บริโภคแบบ new normal innovative lifestyle โดยนำนวัตกรรมหุ่นยนต์อัจฉริยะที่ติดตั้งกล้องตรวจจับความร้อนและวัดอุณหภูมิเข้ามาใช้ในการช่วยคัดกรอง เทคโนโลยีทำความสะอาดด้วยรังสี UV-C ฆ่าเชื้อภายในและภายนอกห้างรวมถึงการลงทะเบียนเข้าออกผ่านแอพพลิเคชั่นเพื่อรับ e-pass ส่วนตัวสำหรับใช้สแกนเข้า-ออก

เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์

เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ เองก็ร่วมสนองนโยบายภาครัฐ ด้วยมาตรการช่วยเหลือแบ่งเบาภาระผู้เช่า และเตรียมความพร้อมเปิดให้บริการ ทั้งการทำ “บิ๊ก คลีนนิ่ง” และชูข้อปฏิบัติสำหรับป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19

นายสมพล ตรีภพนารถ กรรมการผู้จัดการธุรกิจศูนย์การค้า บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารศูนย์การค้าเอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ พาราไดซ์ พาร์ค พาราไดซ์ เพลส เดอะไนน์ เซ็นเตอร์ พระราม 9 กล่าวว่า เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ มีมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการร้านค้าที่เตรียมจะกลับมาเปิดให้บริการพร้อมศูนย์ฯอีกครั้ง โดยงดเก็บค่าเช่าร้านค้าที่เปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 17 พฤษภาคม-31 พฤษภาคม 2563 และให้ส่วนลดค่าเช่าเป็นสัดส่วน 30-50 % โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน – 31 สิงหาคม 2563 รวมระยะเวลา 3 เดือน พร้อมทั้งเปิดพื้นที่ลานโปรโมชันฟรี 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน – 31 สิงหาคม 2563 ให้ร้านค้าในศูนย์การค้าฯ สลับกันนำสินค้ามาจำหน่ายในราคาพิเศษ เพื่อสร้างบรรยากาศคึกคักในการจับจ่าย

ในส่วนของการเตรียมความพร้อม ศูนย์การค้าเอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ ร่วมกับ ผู้ประกอบการร้านค้า จัดกิจกรรมฺ Big cleaning ทำความสะอาดพื้นที่ทั่วทั้งศูนย์ฯ นอกเหนือจากการทำความสะอาดเป็นประจำทุกสัปดาห์ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 จากที่เตรียมไว้ทั้งหมด 129 ข้อปฏิบัติ สำหรับกิจการทุกประเภท อาทิ ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านอาหาร ร้านเสื้อผ้า ร้านทั่วไป ร้านเสริมสวย ภายใต้ 3 แนวคิดหลักของศูนย์การค้า คือ คัดกรอง ป้องกัน ปลอดภัย เพื่อเป็นหลักปฏิบัติในการดูแลลูกค้า พนักงานร้านค้า และ พนักงานศูนย์การค้า สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ที่เข้ามาใช้บริการ อาทิ การจำกัดจำนวนคนเข้าศูนย์การค้าตามอัตราส่วนพื้นที่ใช้สอย 5 ตารางเมตรต่อผู้ใช้บริการ 1 คนเพื่อลดความหนาแน่นของผู้ใช้บริการ โดยใช้วิธีการนับจำนวนผู้ใช้บริการแบบเรียลไทม์ ผ่านระบบตรวจจับผ่านกล้อง Artificial Intelligence ( AI CCTV) ที่ติดตั้งไว้ที่ประตูทางเข้าศูนย์การค้า โดยจะควบคุมจำนวนผู้ใช้บริการภายในศูนย์ไม่ให้เกิน 28,000 คนจากพื้นที่ 140,000 ตารางเมตรทั้งหมดในศูนย์การค้า การจัดวางพรมเช็ดเท้าฆ่าเชื้อและติดตั้งเจลแอลกอฮอล์ทุกประตูทางเข้า การตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายของลูกค้าและพนักงานทุกคนที่เข้ามาในศูนย์ฯ การบันทึกประวัติของผู้ที่มาติดต่อ ทั้งชื่อ เบอร์ติดต่อ เพื่อการติดตามในภายหลัง การเช็ดทำความสะอาดพื้นที่ส่วนกลางและจุดสัมผัสสาธารณะ การพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อบริเวณพื้นที่ส่วนกลางและทำความสะอาดพื้นที่ทั้งศูนย์ฯ ทุกสัปดาห์ การทำความสะอาดอุปกรณ์ทุกชิ้นและห้องให้บริการต่าง ๆ อาทิ ห้องละหมาด เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ การทำสัญลักษณ์ระยะห่างอย่างชัดเจนในลิฟต์ บริเวณบันไดเลื่อน ห้องน้ำ พื้นที่นั่งส่วนกลาง และที่นั่งในโซนศูนย์อาหาร การกำหนดจุดบริเวณบันไดเลื่อนให้มีการเว้นระยะห่าง 2 ขั้น กำหนดผู้โดยสารเข้าลิฟต์ไม่เกิน 5 คน เป็นต้น

“เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ มีการบริหารจัดการระบบปรับอากาศภายในศูนย์ฯ มาโดยตลอด โดยจัดให้มีการทำความสะอาดระบบปรับอากาศ รวมถึงการระบายอากาศ เพื่อให้เกิดการถ่ายเทอากาศภายในอาคารอย่างเหมาะสม ตลอดจนมีการฆ่าเชื้อในระบบปรับอากาศส่วนกลาง เพื่อให้มั่นใจได้ว่า อากาศที่ออกมามีความสะอาด และปลอดภัยต่อผู้มาใช้บริการ” นายสมพลกล่าว

เซ็นทรัล

บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เซ็นทรัลพลาซา เซ็นทรัลเฟสติวัล เซ็นทรัล ภูเก็ต และ เซ็นทรัล วิลเลจ ลักชูรี่เอาท์เล็ตแห่งแรกของไทย เดินหน้าแนวปฏิบัติตามแผนแม่บท “เซ็นทรัล สะอาด มั่นใจ” 5 แกนหลัก มากกว่า 75 มาตรการ ตั้งแต่เดือนเมษายน พร้อมช่วยเหลือเกษตรกรทั่วประเทศด้วยการให้พื้นที่ศูนย์การค้าฟรี 40,000 ตร.ม. และโปรโมททางช่องทางออนไลน์ เพื่อระบายสินค้าในศูนย์การค้า 33 สาขาทั่วประเทศ

นางสาววัลยา จิราธิวัฒน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เซ็นทรัลพัฒนา กล่าวว่า บริษัทฯ ได้พัฒนามาตรการสำหรับลูกค้าและร้านค้าอย่างต่อเนื่อง ตามแนวทางการปฏิบัติของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัดตาม 5 แกนหลักของมาตรการเซ็นทรัล สะอาด มั่นใจ ได้แก่
(1) การคัดกรองอย่างเข้มงวด (Extra Screening)
(2) มาตรฐาน Social Distancing ทุกจุด
(3) การติดตามเพื่อความปลอดภัย (Safety Tracking)
(4) การใส่ใจในความสะอาดทุกจุดสัมผัส (Deep Cleaning)
(5) แนวทางลดการสัมผัส (Touchless Experience)

สำหรับความพร้อมในการเปิดให้บริการอีกครั้งในวันที่ 17 พฤษภาคมที่จะถึงนี้ เซ็นทรัล ได้เชิญ แพทย์หญิงพรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข และคณะลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมความพร้อม และชมแนวทางการปฏิบัติตามแผนแม่บทมาตรการ “เซ็นทรัล สะอาด มั่นใจ” ของศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ห้างสรรพสินค้า ซุเปอร์มาร์เก็ต และบรรดาผู้เช่าร้านค้าภายในศูนย์ 

 

ดร. ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บมจ. เซ็นทรัลพัฒนา กล่าวว่า “เป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่งที่จำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศไทยลดลงอย่างมาก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงผลสำเร็จของการร่วมมือร่วมใจและการมีวินัยในการใช้ชีวิตของคนไทยที่ตระหนักถึงความปลอดภัยของตนเองและมีความรับผิดชอบต่อสังคม และนับเป็นสัญญาณที่ดีต่อทุกภาคส่วนที่ร่วมกันรักษาวินัยและปฏิบัติอย่างต่อเนื่องเพื่อให้คนไทยใช้ชีวิตได้อย่างปลอดภัย ในรูปแบบ New Normal โดยล่าสุด ได้ริเริ่มพัฒนาระบบลิฟท์แบบ Touchless ใช้ลิฟท์ได้โดยไม่ต้องใช้นิ้วสัมผัส เริ่มนำร่องใช้ที่สาขา เซ็นทรัลเฟสติวัล อีสต์วิลล์เป็นแห่งแรก และเตรียมพัฒนาเพิ่มในสาขาอื่นๆต่อไป รวมทั้งเพิ่มมาตรการพ่นฆ่าเชื้อในระบบปรับอากาศหลังศูนย์ฯปิดให้บริการทุกวัน เพื่อให้อากาศภายในศูนย์ฯสะอาด ปลอดภัยยิ่งขึ้น

“ในวันนี้ ศูนย์การค้าของเซ็นทรัลฯทั้ง  33  สาขาทั่วประเทศ และพันธมิตรร้านค้ามีความพร้อมที่จะคุมเข้มมาตรการและแนวทางการปฏิบัติเพื่อเตรียมตัวอย่างเคร่งครัด หากภาครัฐประกาศเปิดให้บริการได้ เพื่อพร้อมจะเป็น Center of New Normal Life ที่ปลอดภัยสำหรับลูกค้า และพร้อมเดินหน้าช่วยผลักดันเศรษฐกิจของประเทศแบบไทยช่วยไทยต่อไป”

“ที่สำคัญ เราได้ส่งมอบคู่มือสำหรับประชาชนจากแผนแม่บทมาตรการ “เซ็นทรัล สะอาด มั่นใจ” ให้แก่กรมอนามัย เพื่อเป็นสาธารณประโยชน์แก่ประชาชน และร้านค้าทั่วไป เพื่อนำไปปรับใช้ในการใช้ชีวิตยุค New Normal ให้ผู้ที่มาใช้บริการที่ศูนย์การค้ามั่นใจได้เรื่องความสะอาด ปลอดภัยสูงสุด” ดร. ณัฐกิตติ์ กล่าว

ทั้งนี้ ระหว่างที่มีการปิดศูนย์การค้าบางส่วน ศูนย์การค้าเซ็นทรัลได้มีการบำรุงรักษาระบบต่างๆ อย่างต่อเนื่อง อาทิ มีการเปิดระบบปรับอากาศบางส่วนทุกวัน ซึ่งทำให้มีการหมุนเวียนของอากาศในพื้นที่ และมีการบำรุงรักษาตามมาตรฐานอย่างต่อเนื่องเพื่อให้พร้อมกลับมาให้บริการ

Related Posts

Send this to a friend