BUSINESS

เฟดเอ็กซ์ เอ็กซ์เพรส แนะผู้ประกอบการต้องคำนึงถึงหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน สอดรับตลาดอีคอมเมิร์ซโต

ออดรี เฉิง รองประธานฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท เฟดเอ็กซ์ เอ็กซ์เพรส ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เปิดเผยว่า ความยั่งยืนเป็นส่วนสำคัญของการดำเนินธุรกิจ เนื่องด้วยผู้บริโภคในปัจจุบันมีความต้องการสินค้าและบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อีกทั้งความจําเป็นในการปฏิบัติตามกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ซึ่งเป็นกระแสที่น่าจับตามองในหลายประเทศ ภาคธุรกิจโลจิสติกส์จึงมองว่าเป็นโอกาสที่ดีจะออกแบบกระบวนการปฏิบัติงานใหม่ที่ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนให้ต่ำลง ผ่านการปรับใช้แนวคิดระบบเศรษฐกิจแบบหมุนเวียน (Circular Economy) เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินธุรกิจ

ออดรี เฉิง กล่าวว่า เศรษฐกิจหมุนเวียน คือวิธีดำเนินธุรกิจที่เน้นการสร้างความยั่งยืน และทรัพยากรที่มีอยู่ให้คุ้มค่าที่สุด ผ่านการแบ่งปันทรัพยากร การใช้ซ้ำ การรีไซเคิล และการซ่อมแซมเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ เทรนด์ของเศรษฐกิจหมุนเวียนที่น่าสนใจ คือ การจัดการโลจิสติกส์ย้อนกลับ (Reverse Logistics) เป็นการขนส่งสินค้าจากลูกค้าปลายน้ำกลับมายังผู้ขายหรือผู้ผลิตที่ต้นน้ำ

โลจิสติกส์ย้อนกลับ ถือเป็นส่วนหนึ่งของระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนและเป็นตลาดขนาดใหญ่ โดยปี 2565 ตลาดโลจิสติกส์ย้อนกลับทั่วโลกมีมูลค่า 939 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (คิดเป็นเงินไทยราว 31 ล้านล้านบาท) และมีอัตราการเติบโตที่ 12.3% ต่อปี เอื้อให้เกิดการยืดอายุของทุกผลิตภัณฑ์ สอดคล้องกับแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียนของรัฐบาลไทยที่ส่งเสริมให้ภาคเอกชนพัฒนาโมเดลธุรกิจใหม่ ๆ เพื่อให้เกิดการใช้ทรัพยากรร่วมกัน เน้นการเช่าซื้อแทนการขาย และซ่อมแซม บํารุงรักษา เพื่อลดต้นทุนรวมถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

ในปี 2566 มีการคาดการณ์ว่าธุรกิจอีคอมเมิร์ซในไทยจะมีมูลค่าสูงถึง 9 แสนล้านบาท ซึ่งได้รับแรงหนุนจากผู้บริโภคที่หันมาใช้บริการอีคอมเมิร์ซมากขึ้น ประกอบกับการแข่งขันที่ดุเดือดจากลาซาด้า (Lazada) และช้อปปี้ (Shopee) รวมถึงการมาของแพลตฟอร์มโซเชียลคอมเมิร์ซอย่างเฟซบุ๊ก (Facebook) และติ๊กต็อก (TikTok) โดยคาดว่าตลาดอีคอมเมิร์ซของไทยจะเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 6 ต่อปี ผู้ประกอบการและร้านค้าออนไลน์ควรพิจารณานำโลจิสติกส์ย้อนกลับมาปรับใช้ในการขนส่งสินค้า เพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อม โดยรูปแบบโลจิสติกส์ย้อนกลับที่ธุรกิจร้านค้าออนไลน์สามารถนำมาปรับใช้ได้ ประกอบด้วย

1.การจัดการขยะและวัสดุเหลือใช้ เป็นส่วนสำคัญในอุตสาหกรรมการขนส่ง อย่างที่เฟดเอ็กซ์ร่วมมือกับ N15 นำขยะจากการดำเนินงานมารีไซเคิล โดยใช้เทคโนโลยีแปลงขยะให้เป็นพลังงานเชื้อเพลิง (Refuse Derived Fuel: RDF) สำหรับโรงงานผลิตปูน

2.ปรับใช้ในการยืดวงจรของการใช้งานสินค้า รวมทั้งวัสดุ และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ทั้งหมดจะหมุนเวียนอยู่ในระบบการใช้งานให้ได้นานที่สุด จากการซ่อมแซม แลกเปลี่ยน หรือการออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ให้สามารถปรับใช้งานกับวัสดุหรือส่วนประกอบของสินค้าแบบเก่าได้ ซึ่งในไทย เฟดเอ็กซ์ ร่วมกับ SC Grand นำชุดยูนิฟอร์มเก่ากว่า 200 ชิ้น มารีไซเคิลให้เป็นเส้นด้าย ถักทอเป็นหมวกแก๊ปให้พนักงานส่งของได้ถึง 700 ชิ้น

3.ซ่อมแซมและปรับปรุง สร้างแรงจูงใจให้ลูกค้าส่งคืนสินค้าที่ใช้แล้วให้บริษัทเพื่อนำกลับมาผลิตใหม่ ยืดอายุการใช้งานของผลิตภัณฑ์ และให้ลูกค้าอื่นได้มีโอกาสใช้งานอีกครั้ง

4.ควรเริ่มมองหาวิธีการรีไซเคิล หรือการจัดการของเสีย โดยของที่หมดอายุการใช้งานแล้วสามารถนำกลับมารีไซเคิล หรือเข้าสู่กระบวนการผลิตซ้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่ส่วนมากสามารถนำกลับมารีไซเคิลใหม่ได้โดยง่าย

5.การออกมาตรการสำหรับกระบวนการคืนสินค้าที่ชัดเจนและเรียบง่าย ลูกค้าสามารถส่งคืนสินค้าที่ไม่ต้องการ เพื่อเปลี่ยนหรือขอคืนเงินได้ โดยสินค้าที่ส่งคืนจะกลายเป็นตัวเลือกหลักสําหรับการรีไซเคิล หรือนำไปขายต่อ ซึ่งเฟดเอ็กซ์ออกแบบซองส่งพัสดุ (Reusable Pak) ที่สามารถนำกลับมาใช้งานใหม่ได้หลายครั้ง สำหรับการส่งคืนสินค้าหรือการส่งพัสดุในโอกาสถัดไป

ออดรี เฉิง กล่าวทิ้งท้ายว่า ธุรกิจรายย่อยในประเทศไทย การนำเสนอบริการโลจิสติกส์ย้อนกลับจะส่งผลดีต่อการขยายธุรกิจ นอกจากนี้ เรื่องความยั่งยืนยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ธุรกิจอีคอมเมิร์ซควรคำนึงถึง เพื่อให้ธุรกิจแตกต่างจากบริษัทอื่น ๆ จากรายงาน What’s Next in E-Commerce Survey ของเฟดเอ็กซ์ แสดงให้เห็นว่า 9 ใน 10 ของผู้บริโภคในไทย คาดหวังว่าธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่ใช้บริการจะยึดมั่นและดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงเรื่องความยั่งยืน

Related Posts

Send this to a friend