BUSINESS

กลุ่มบริษัทเอมิเรตส์ ประกาศผลประกอบการสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ธุรกิจโตขึ้น 3 เท่าหลังคลายล็อคโควิด

วันนี้(15 พ.ย. 65) กลุ่มบริษัทเอมิเรตส์(Emirates Group) เจ้าของสายการบินเอมิเรตส์ ประกาศผลประกอบการครึ่งปี สำหรับปีงบประมาณ 2565-2566 ได้รับผลกำไรสุทธิครึ่งปี 2565-66 เป็นเงินจำนวน 4.2 พันล้าน AED หรือราว 1.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถือเป็นประวัติการณ์ของผลการดำเนินงานภายในครึ่งปี และการฟื้นตัวเกือบ 10 พันล้าน AED จากที่ได้ขาดทุนไปกว่า 5.7 พันล้าน AED หรือราว 1.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ทั้งนี้จากผล EBITDA อยู่ที่ 15.3 พันล้าน AED หรือคิดเป็น 4.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดจาก 5.6 พันล้าน AED หรือ1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งแสดงให้เห็นถึงผลกำไร จากการดำเนินงานที่แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม 3 เท่า

นาย ชีค อาห์เมด บิน ซาอีด อัลมักตูม ประธานกรรมการบริษัทและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินและกลุ่มบริษัทเอมิเรตส์ กล่าวว่า “ผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2565-66 เป็นผลมาจากการวางแผนล่วงหน้า การตอบสนองทางธุรกิจที่คล่องตัว และความพยายามของพนักงาน ที่มีความสามารถและมุ่งมั่นของเรา และเราจำเป็นต้องเร่งการดำเนินงานและฟื้นตัวลุ่มบริษัทเอมิเรตส์ให้รวดเร็วและครอบคลุมยิ่งขึ้น เมื่อหลายประเทศผ่อนคลายและยกเลิกข้อจำกัดการเดินทาง ซึ่งเราพร้อมที่จะเป็นผู้นำกลุ่มแรก ในการตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างแข็งแกร่งด้วยแผนธุรกิจที่มีคุณภาพ ตลอดจนการสนับสนุนจากพันธมิตรในอุตสาหกรรมของเรา และการลงทุนอย่างต่อเนื่องในบุคลากร เทคโนโลยี และผลิตภัณฑ์และการบริการ

“กำไรของเอมิเรตส์ในช่วงครึ่งแรกของปี 2565-66 ทุบสถิติใหม่ที่ 4.0 พันล้าน AED (1.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) เทียบกับการขาดทุนในปีที่แล้วที่ 5.8 พันล้าน AED (1.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) แม้ว่าสภาวะการแลกเปลี่ยนสกุลเงินจะไม่เอื้ออำนวย แต่รายรับของเอมิเรตส์ รวมถึงรายได้จากการดำเนินงานอื่นๆ อยู่ที่ 50.1 พันล้าน AED (13,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้น 131% เมื่อเทียบกับ 21.7 พันล้าน AED (5.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ที่บันทึกไว้ในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ทั้งนี้กล่าวได้ว่าประสิทธิภาพ การฟื้นตัวที่แข็งแกร่งของสายการบิน ได้รับแรงหนุนจากความต้องการของผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สำหรับการเดินทางระหว่างประเทศในตลาดต่าง ๆ ทั่วโลก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสามารถของสายการบิน ในการวางแผนล่วงหน้า เพื่อตอบสนองความต้องการ กระตุ้นขีดความสามารถ และดึงดูดลูกค้าด้วยผลิตภัณฑ์ และการบริการที่คุ้มค่าและมีคุณภาพ

อีกทั้งแรงผลักดันจากความต้องการที่แข็งแกร่ง และการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ส่งผลให้ EBITDA ของเอมิเรตส์เติบโตเกือบ 3 เท่า คิดเป็น 14.7 พันล้าน AED (4.0 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) เมื่อเทียบกับ 5.0 พันล้าน AED (1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว

“ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เรายังคงมุ่งเน้นที่การฟื้นฟู การดำเนินงานของเราให้กลับสู่ระดับเดิม ก่อนเกิดโรคระบาด รวมถึงการสรรหาทักษะที่เหมาะสม กับความต้องการในปัจจุบันและอนาคต ทั้งนี้ เราคาดว่าความต้องการของลูกค้า ในแผนกธุรกิจของเราจะยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในครึ่งปีหลังปี 2565-66 อย่างไรก็ตามการดำเนินการสู่เป้าหมาย ย่อมพบอุปสรรคเสมอ ดังนั้นเรากำลังจับตาดูต้นทุนเงินเฟ้อและความท้าทายมหภาคอื่นๆ เช่น ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าและนโยบายการคลังของตลาดหลัก อย่างใกล้ชิด โดยเราคาดว่าจะกลับสู่แนวทางการเติบโตและผลกำไรที่ตั้งไว้ เมื่อสิ้นสุดปีงบการเงินเต็มของเราได้อย่างแน่นอน”

นอกจากนี้ฐานพนักงานของกลุ่มบริษัทเอมิเรตส์ ณ วันที่ 30 กันยายนที่ผ่านมา เติบโตขึ้น 10% คิดเป็นจำนวนรวม 93,893 คน เมื่อเทียบกับวันที่ 31 มีนาคม ในปีเดียวกัน ยิ่งไปกว่านั้นทั้งเอมิเรตส์และdnata ได้เริ่มดำเนินการในการสรรหาบุคลากร ตามเป้าหมายเพื่อสนับสนุนและดำเนินการให้สอดคล้องกับความสามารถ และกิจกรรมทางธุรกิจที่เพิ่มขึ้นในอนาคต

ในเดือนมิถุนายน สายการบินเอมิเรตส์ ได้เปิดตัวจุดหมายปลายทางใหม่ไปยังเทลอาวีฟ อีกทั้ง เอมิเรตส์ยังได้เปิดตัวข้อตกลงร่วม และข้อตกลงระหว่างสายการบินกับ 12 สายการบินในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2565-66 ได้แก่ แอร์ลิงค์, อีเจียน แอร์ไลน์, ไอทีเอแอร์เวย์, แอร์ เบลติก, แอร์แคนาดา, แบมบูแอร์เวย์, บาติกแอร์, ฟินน์แอร์, รอยัล แอร์ โมร็อค, สกาย เอ็กซ์เพรส, ซัน คันทรี แอร์ไลน์ และ ยูไนเต็ดแอร์ไลน์ตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน ที่ผ่านมา สายการบินได้ให้บริการผู้โดยสารและขนส่งสินค้าไปยังสนามบิน 140 แห่ง โดยใช้เครื่องบินโบอิ้ง 777 ทั้งหมดของสายการบิน และแอร์บัส A380 อีกจำนวน 73 ลำ

ส่วนจำนวนผู้โดยสารโดยรวมในช่วง 6 เดือนแรกของปี เพิ่มขึ้น 40% คิดเป็น 22.8 พันล้านตัน ของปริมาณการผลิตด้านผู้โดยสาร (Available Seat Kilometers: ASKM) ซึ่งเป็นผลจากการขยายโปรแกรมการบินหลังได้มีมาตราการผ่อนคลายข้อจำกัด การเดินทางของแต่ละประเทศ ทั้งนี้จำนวนผู้โดยสารที่วัดได้จาก ASKM เพิ่มขึ้นกว่า 123% ในขณะที่จำนวนการเดินทางของผู้โดยสารที่วัดจากปริมาณการขนส่งด้านผู้โดยสาร (Revenue Passenger Kilometer: RPKM) เพิ่มขึ้นถึง 265% โดยมี อัตราส่วนการขนส่งผู้โดยสาร (Passenger Seat Factor) เฉลี่ย 78.5% เทียบกับ 47.9% ในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว

เอมิเรตส์ให้บริการผู้โดยสารกว่า 20 ล้านคนระหว่างวันที่ 1 เมษายนถึง 30 กันยายน 2565 ซึ่งเป็นจำนวนที่เพิ่มขึ้นถึง 228% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ในขณะที่ เอมิเรตส์ สกายคาร์โก ได้ขนส่งสินค้าเป็นจำนวน 936,000 ตันในช่วงหกเดือนแรกของปี ลดลง 14% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เนื่องจากสายการบินเปลี่ยนกำลังการผลิตจาก “การขนส่งสินค้าขนาดเล็ก” กลับไปเป็นการให้บริการผู้โดยสารมากขึ้น

Related Posts

Send this to a friend

Thailand Web Stat