BUSINESS

อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย ขึ้นแท่นเบอร์หนึ่ง ผู้จัดงานแสดงสินค้าอาเซียน กวาดรายได้ทะลุเ 1,300 ล้าน

อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย ขึ้นแท่นผู้จัดงานแสดงสินค้าอาเซียนเบอร์หนึ่ง กวาดรายได้ทะลุเป้า 1,300 ล้าน พร้อมกางแผนปี 67 โชว์กลุ่มอุตสาหกรรมใหม่ และจับมือพันธมิตรต่างประเทศจัดงาน เพื่อหนุนไทยเป็น HUB งานแสดงสินค้านานาชาติของภูมิภาค

นายสรรชาย นุ่มบุญนำ ผู้จัดการทั่วไป ประเทศไทย อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ กล่าวว่า ในปี 2566 นี้นับเป็นการฟื้นตัวของธุรกิจ งานแสดงสินค้าหลังสถานการณ์โควิดอย่างแท้จริง การกลับมาจัดงานได้อย่างเต็มรูปแบบ ส่งผลให้การดำเนินงานของ อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย กลับมาฟื้นตัวอย่างรวดเร็วและก้าวกระโดด ไม่ว่าจะเป็นรายได้รวมของบริษัทฯ ที่สูงถึง 1,300 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 900 ล้านบาท และดีกว่าปี 2562 ก่อนสถานการณ์โควิด ซึ่งมีรายได้รวมอยู่ที่ 880 ล้านบาท

“ผลสำเร็จดังกล่าวเกิดขึ้นจากการปรับตัว เปลี่ยนแปลงและพัฒนาองค์กร และธุรกิจตลอดเวลา แม้ในช่วงวิกฤตโควิด ที่ไม่สามารถจัดงานได้เต็มรูปแบบ เราก็ไม่ได้มีการหยุดนิ่ง เราแทงสวนและสู้ตายกับการเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาส ทั้งการพัฒนาธุรกิจ การทำงานเชิงลึกด้านข้อมูลและเครื่องมือต่างๆ ร่วมกับบริษัทแม่ที่เป็นเบอร์หนึ่งผู้จัดงานแสดงสินค้าโลก เพื่อสร้างงานที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง และเป็นงานที่จับใจคน รวมทั้งเพิ่มจำนวนงานให้ครอบคลุมทุกกลุ่มอุตสาหกรรม ทำให้เกิด 7 งานใหม่ รวมกับ 6 งานเดิม เป็น 13 งานในปี 2566 พร้อมทั้งเร่งพัฒนาบุคลากร เพื่อเตรียมความพร้อม และดึงคนที่มีความสามารถมาทำงานร่วมกับเรา”

“จากปัจจัยและการเตรียมการดังกล่าว ทำให้นอกจากจะส่งผลให้เกิด การเติบโตอย่างก้าวกระโดดแล้ว ยังทำให้ อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย ขึ้นแท่นเป็นผู้จัดงานแสดงสินค้า อันดับหนึ่งของภูมิภาคอาเซียน ทั้งจำนวนโชว์และรายได้ สำหรับเป้าหมายในปีนี้ จะไม่ยึดติดกับการแข่งขัน ด้านอันดับเพียงอย่างเดียว สิ่งที่พยายามทำ คือ การผลักดันให้ทุกโชว์ของ อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย ก้าวขึ้นเป็นโชว์ระดับภูมิภาค เป็นงานที่ทุกคนในอุตสาหกรรม ที่ต้องการดำเนินธุรกิจกับคนในภูมิภาคนี้ต้องเข้าร่วม”

สำหรับจำนวนงานแสดงสินค้าของอินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทยในปี 2567 จะมีทั้งหมด 15 งาน ครอบคลุมทุกกลุ่มอุตสาหกรรมสำคัญ โดยมีงานที่จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี อาทิ Intermach, ProPak Asia, ASEAN Sustainable Energy, Thai Water Expo, CPHI, Food & Hospitality Thailand ฯลฯ และการร่วมมือกับบริษัทในเครือ อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ในหลายประเทศมาจัดงานแบบร่วมทุน (Joint Venture) โดยนำงานแสดงสินค้า ที่ประสบความสำเร็จ อาทิ งาน Jewellery & Gem Asean Bangkok, Cosmoprof CBE Asean Bangkok, APLF ASEAN และ Vitafoods Asia มาจัดขึ้นที่ประเทศไทย นอกจากนั้นยังมีการจับมือกับ พันธมิตรรายใหม่และคู่แข่งการจัดงานจากต่างประเทศ ร่วมกันจัดงานใหม่ในปี 2567 เพิ่มอีก 3 งาน คือ Plastics & Rubber Thailand, Medlab Asia และ Tyrexpo

การเพิ่มขึ้นของจำนวนโชว์ และการผลักดันการจัดงาน ให้เป็นงานสำคัญของภูมิภาค ส่งผลบวกต่อประเทศไทยทั้งในภาคอุตสาหกรรม การลงทุนและการท่องเที่ยว เนื่องจากจำนวนผู้เข้าร่วมงานทั้งผู้ร่วมจัดแสดงงานและผู้เยี่ยมชมงาน เป็นกลุ่มนักธุรกิจที่มีกำลังซื้อสูง โดยจำนวนผู้เข้าร่วมงานที่จัดขึ้นโดย อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยรวมกัน ปีละประมาณ 20% สร้างมูลค่าการเจรจาการค้าและธุรกิจ ทั้งในการจัดงานและหลังการจัดงาน ปีละหลายหมื่นล้านบาท และยังส่งผลให้เกิดการจับจ่าย ด้านการท่องเที่ยวเชิงธุรกิจอีกจำนวนมาก

ส่วนเป้ารายได้ในปี 2567 นั้น คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 1,180 ล้าน เนื่องจากบางงาน มีการจัด 2 ปีต่อครั้ง และปี 2568 คาดว่ารายได้จะกลับมาพุ่งสูงอีกครั้ง ประมาณ 1,450 ล้านบาท ด้านปัจจัยบวกที่จะส่งผลดี ต่อธุรกิจงานแสดงสินค้าในปีหน้านั้น อยู่ที่การฟื้นตัวของธุรกิจที่เพิ่มขึ้น แนวโน้มอัตราเงินเฟ้อของโลกที่ผ่อนคลายลง การพัฒนาและการเปลี่ยน ของเทคโนโลยีในหลายอุตสาหกรรม ทำให้เกิดการลงทุนเครื่องจักร และเครื่องมือในการผลิตใหม่ๆ นโยบายการกระตุ้นการท่องเที่ยว และการสนับสนุนการจัดงานแสดงสินค้าจากภาครัฐ ส่วนปัจจัยลบที่ยังส่งผลอยู่ มีทั้งสงครามในบางพื้นที่ที่ยังไม่สงบ เศรษฐกิจโลกที่ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่

Related Posts

Send this to a friend