BUSINESS

“เครือข่ายสถานบันเทิงฯ” จี้นายกฯ เลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ-พ.ร.บ.โรคติดต่อ เปิดสถานบันเทิงในพื้นที่นำร่อง 28 จังหวัด

นายสง่า เรืองวัฒนกุล นายกสมาคมผู้ประกอบธุรกิจถนนข้าวสาร พร้อมด้วยเครือข่ายกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวและร้านค้าร้านอาหาร ประกอบด้วย สมาคมผู้ประกอบธุรกิจถนนข้าวสาร สมาคมอุตสาหกรรมบันเทิงและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา สมาคมผู้ประกอบการร้านอาหาร สมาคมการค้าธุรกิจร้านอาหาร สมาคมการค้าธุรกิจร้านอาหารกลางคืน สมาคมธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไทย และสมาคมบาร์เทนเดอร์ไทย รวม 231 ราย ยื่นหนังสือผ่านนายมงคลชัย สมอุดร รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ถึงพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

นายสง่า กล่าวว่า จากการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคของรัฐอย่างเคร่งครัด ในช่วงการระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อผู้ประกอบการ โดยเฉพาะมาตรการปิดกิจการ จำกัดการเดินทาง จำกัดเวลาและรูปแบบกิจการกิจกรรม และจำกัดจำนวนคน โดยรัฐบาลมีเป้าหมายประกาศให้โควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่นตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2565 และได้ดำเนินการปรับปรุงมาตรการและข้อจำกัดการเดินทางเข้าราชอาณาจักร การปรับระดับพื้นที่สถานการณ์เหลือเพียงพื้นที่เฝ้าระวังสูงและพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว และการขยายเวลาการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหารจนถึง 24.00 น. ถือเป็นการประกาศความพร้อมของประเทศไทยต่อการเปิดรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ส่งผลให้เกิดการกระตุ้นการบริโภคและการเพิ่มการจับจ่ายใช้สอยของนักท่องเที่ยวและผู้บริโภคภายในประเทศ

ทางเครือข่ายฯ จึงขอให้ยืนยันการประกาศให้โควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่นทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2565 พร้อมเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ โดยพิจารณาบูรณาการ การใช้กฎหมายปกติ อย่างมีประสิทธิภาพ โดยขอให้ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และพ.ร.บ.โรคติดต่อ ปรับเวลาขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ไม่กำหนดเวลาซื้อขายหรือทำเป็นโซนนิ่งพื้นที่ และขอให้ยกเลิกมาตรการลงทะเบียนใน Thailand Pass สำหรับผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไทยในทุกช่องทาง รวมถึงประชาสัมพันธ์เป็นการล่วงหน้าก่อนการเปิดประเทศเพื่อสร้างความเชื่อมั่นและจูงใจให้นักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงและกลุ่มไมซ์ ให้กลับมาเยือนประเทศไทยอีกครั้ง

นอกจากนี้ ยังขอให้อนุญาตให้เปิดกิจการสถานบริการ ผับ บาร์ คาราโอเกะ ที่ได้รับรองมาตรฐาน SHA Plus หรือ Thai Stop COVID 2 Plus และผ่านการตรวจประเมินโดยคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานครหรือคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด โดยระยะทดลอง ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2565 เฉพาะในพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว 28 จังหวัด โดยแบ่งเป็นเปิดให้บริการได้ทั่วทุกพื้นที่ 16 จังหวัด และเปิดในบางพื้นที่ 12 จังหวัด โดยเปิดดำเนินการทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2565 เป็นต้นไป

Related Posts

Send this to a friend