BUSINESS

น้ำมันดิบสหรัฐทะลุ 100 เหรียญในรอบ 8 ปี ตลาดยังกังวลอุปทานน้ำมันดิบตึงตัวจากสงครามยูเครน

วันนี้ (2 มี.ค. 65) หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์พลังงาน บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) เผยแพร่ผลวิเคราะห์สถานการณ์น้ำมัน หลังราคาน้ำมันดิบเบรนท์อยู่ที่ 104.97 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล หรือเปลี่ยนแปลง +7.00 และราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสอยู่ที่ 103.41 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล หรือเปลี่ยนแปลง +7.69 เมื่อวันที่ 1 มี.ค. 65 โดยวิเคราะห์ปัจจัยส่งผลต่อราคาได้ ดังนี้

  1. ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสและเบรนท์ปรับเพิ่ม หลังตลาดยังคงกังวลต่ออุปทานน้ำมันดิบตลาดโลกที่คาดว่าจะตึงตัวจากเหตุการณ์ความไม่สงบระหว่างรัสเซียและยูเครน แม้ว่าประเทศสมาชิกขององค์กรพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) นำโดยสหรัฐตกลงที่จะปล่อยน้ำมันดิบสำรองเชิงยุทธศาสตร์ (SPR) ออกสู่ตลาด ปริมาณ 60 ล้านบาร์เรล
  2. กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันดิบและชาติพันธมิตร (โอเปกพลัส) มีแนวโน้มที่จะคงมติการปรับเพิ่มการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มที่ระดับ 4 แสนบาร์เรลต่อวัน เช่นเดิมในเดือน เม.ย. 2565 แม้จะมีข้อเรียกร้องจากสหรัฐและชาติอื่น ๆ ให้ปรับเพิ่มการผลิตมากกว่านี้ โดยกลุ่มโอเปกพลัสมีกำหนดการประชุมร่วมกันอีกครั้งในวันที่ 2 มี.ค. 2565
  3. หลังตลาดปิด สถาบันปิโตรเลียมด้านพลังงานสหรัฐ (API) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ ประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 25 ก.พ. 2565 ปรับตัวลดลง 6.1 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 409.9 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.7 ล้านบาร์เรล

ส่วนราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังได้รับแรงกดดันจากอุปทานน้ำมันเบนซินในอินเดียที่มีทิศทางปรับตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ปริมาณการส่งออกจากจีนยังคงมีแนวโน้มปรับตัวลดลงต่อเนื่อ

และราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังราคายังคงได้รับแรงหนุนจากเหตุการณ์ความไม่สงบระหว่างรัสเซียและยูเครน อย่างไรก็ตาม อุปทานในภูมิภาคมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นจากประเทศอินเดีย

ทั้งนี้ สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานว่า ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสที่พุ่งขึ้นสูงถึง 103.41 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล ถือเป็นครั้งแรกที่ราคาน้ำมันสหรัฐฯ สูงเกิน 100 ดอลลาร์/บาร์เรล ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2557 และครั้งนี้ถือเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดในหนึ่งวันนับแต่เดือนพฤศจิกายน 2563

Related Posts

Send this to a friend