กรมการค้าภายใน คุมเข้มมาตรวัดน้ำมันเชื้อเพลิง LPG – NGV ช่วงเทศกาลปีใหม่
นายอาวุธ วงศ์สวัสดิ์ รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยผลการตรวจสอบความถูกต้องของมาตรวัดน้ำมันเชื้อเพลิง มาตรวัดก๊าซ LPG, NGV ตามสถานีบริการในช่วงวันหยุดต่อเนื่องเทศกาลปีใหม่ โดยเฉพาะตามเส้นทางการเดินรถที่เป็นรอยต่อระหว่างกรุงเทพฯ และปริมณฑล มุ่งหน้าออกสู่ต่างจังหวัด และในเขตพื้นที่จังหวัดต่างๆ ในทุกภูมิภาคทั่วประเทศ เพื่อกำกับดูแลและตรวจสอบความถูกต้อง ป้องกันประชาชนถูกเอารัดเอาเปรียบ
การดำเนินการตั้งแต่วันที่ 20 – 30 ธันวาคม 2564 ได้ตรวจสอบมาตรวัดปริมาตรน้ำมันเชื้อเพลิงจำนวน 27,777 เครื่อง พบถูกต้อง 27,640 เครื่อง ผิด 137 เครื่อง โดยเครื่องที่ผิด เจ้าหน้าที่ชั่งตวงวัดได้ดำเนินการผูกบัตรห้ามใช้ 55 เครื่อง ชำรุดใช้การไม่ได้อีก 24 เครื่อง และเปรียบเทียบปรับเป็นเงิน 30,000 บาท จำนวน 58 เครื่อง
ตรวจสอบมาตรวัด LPG จำนวน 458 เครื่อง พบถูกต้อง 454 เครื่อง พบผิด 4 เครื่อง โดยเครื่องที่ผิดเป็นเครื่องที่ชำรุดใช้การไม่ได้ 3 เครื่อง เจ้าหน้าที่ดำเนินการผูกบัตรห้ามใช้ 1 เครื่อง ส่วนการตรวจสอบมาตรวัด NGV จำนวน 232 เครื่อง พบถูกต้อง 230 เครื่อง พบผิด 2 เครื่อง สำหรับเครื่องที่ผิดเจ้าหน้าที่ชั่งตวงวัดได้ดำเนินการผูกบัตรห้ามใช้ทั้งหมด และเปรียบเทียบปรับเป็นเงิน 10,000 บาท
กรมการค้าภายใน ฝากถึงประชาชนผู้บริโภค สังเกตเบื้องต้นเพื่อรักษาสิทธิประโยชน์ของตนเอง ดังนี้
1) ตู้จ่ายน้ำมัน ก๊าซ LPG, NGV ตามสถานีบริการ ต้องมีสติ๊กเกอร์วงกลมของกรมการค้าภายใน (มีรูปครุฑสีแดง /ระบุคำว่าตรวจสอบแล้ว /แสดงปี พ.ศ. ปัจจุบันอยู่ด้านล่าง) ซึ่งในปี พ.ศ. 2565 จะเป็นสีเหลืองและสีของสติ๊กเกอร์จะเปลี่ยนไปทุกปีตามปี พ.ศ. หากมีสติ๊กเกอร์ดังกล่าวติดอยู่แสดงว่าได้มีการตรวจสอบแล้ว
2) ก่อนเติมยอดขายและจำนวนลิตร ต้องเป็นเลขศูนย์
3) ราคาขายต่อลิตรที่แสดงที่ตู้จ่ายกับป้ายแสดงต้องถูกต้องตรงกัน
4) เมื่อเติมเสร็จให้ดูยอดขายและจำนวนลิตรให้ถูกต้อง
หากประชาชนไม่ได้รับความเป็นธรรมในการเติมน้ำมันเชื้อเพลิง ก๊าซ LPG และก๊าซ NGV สามารถแจ้งได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งหากเจ้าหน้าที่ตรวจพบว่าสถานีบริการใดกระทำความผิดจะถูกดำเนินคดีตามพรบ.มาตราชั่งตวงวัด พ.ศ.2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม กรณีใช้มาตรวัดที่ไม่ถูกต้องมีค่าความคลาดเคลื่อนเกินอัตราเผื่อเหลือเผื่อขาดที่กำหนด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนสถานีบริการใดดัดแปลงมาตรวัดให้มีค่าความคลาดเคลื่อนเกินอัตราเผื่อเหลือเผื่อขาดที่กำหนด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี และปรับไม่เกิน 120,000 บาท
