‘สีหศักดิ์’ เผยไทย-กัมพูชา พร้อมลงนามในเอกสารคำประกาศที่จะนำไปสู่การสร้างสันติภาพ
รมว.กต. ‘สีหศักดิ์’ เผยไทย-กัมพูชา พร้อมลงนามในเอกสารคำประกาศที่จะนำไปสู่การสร้างสันติภาพ โดยมีสหรัฐฯ-มาเลเซีย ร่วมเป็นสักขีพยาน 26 ต.ค.นี้ ย้ำ ไม่ใช่ลงนามข้อตกลงสันติภาพ แต่ต้องนำไปสู่การปฏิบัติได้จริง ไม่อยากให้เป็นเพียงแค่แผ่นกระดาษ หวังเปิดหน้าความสัมพันธ์ใหม่ไทย-กัมพูชา
วันนี้ (24 ต.ค. 68) นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ก่อนการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 47 ซึ่งมีความเคลื่อนไหวสำคัญกรณีนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาและนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน จะร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนามปฏิญญาความร่วมมือระหว่างไทยและกัมพูชาไปสู่การสร้างสันติภาพร่วมกัน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ระบุว่า เรื่องไทย-กัมพูชา เราเน้นตลอดเป็นเรื่องที่ไทยกับกัมพูชาต้องคุยกันและหาข้อยุติ 2 ฝ่ายคุยกันในประเด็นสำคัญ ทั้งเรื่องการลดกำลังทหาร การถอนอาวุธหนักจากชายแดน การกู้ทุ่นระเบิด และขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติ และทำยังไงกับการมารุกล้ำเข้ามาในเขตไทย ซึ่งไทยคุยกับกัมพูชามาตลอด สหรัฐฯ เข้ามาในฐานะผู้หวังดี อำนวยความสะดวก และมาเลเซีย ตรงไหน ช่วยได้เป็นเรื่องที่น่ายินดี ถ้าเขาโน้มน้าวให้กัมพูชามาคุยกับเราก็เป็นเรื่องดี รวมถึงมาเลเซียด้วย
“การเจรจาในกรอบ 4 ฝ่าย หัวใจคือ 2 ฝ่าย แต่ 4 ฝ่ายทำให้เกิดความคืบหน้า เราเจรจาตั้งแต่นิวยอร์ก และที่กัวลาลัมเปอร์ 2 รอบ ซึ่งล่าสุดถือว่าคืบหน้าไปได้ดี ซึ่งเราเชื่อว่าจะต้องนำไปสู่การปฏิบัติ การลงนามในกรอบคณะกรรมการชายแดนทั่วไป สิ่งที่เราอยากเห็นต่อไปคือการปฏิบัติในพื้นที่ การกถอนอาวุธหนัก ทราบว่า วันที่ 25 ต.ค.จะมีการประชุมของแม่ทัพภาค 4 ฝ่ายกัมพูชา กับแม่ทัพภาค 2 ของไทย เพื่อดูว่าการเคลื่อนย้ายอาวุธหนักจะทำเมื่อไหร่ และในวันที่ 25 ต.ค. จะมีการลงพื้นที่ดำเนินการเลย”
นายสีหศักดิ์ กล่าวว่า สำหรับฝ่ายไทย การตกลงกันไม่เพียงพอเพียงแค่แผ่นกระดาษ เราต้องการเห็นการปฏิบัติ เพราะเราต้องการเห็นความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับกัมพูชาได้เปิดหน้าใหม่ แต่การเปิดหน้าใหม่ ต้องตอบคำถามประชาชนคนไทยด้วย และคนไทยก็รู้สึกให้ความสำคัญของศักดิ์ศรีของไทย การปกป้องอธิปไตยของไทย
“อยากยืนยันว่า การเจรจาของเรายึดหลักนี้ ถ้าเราสามารถบรรลุข้อตกลงได้ ที่ไม่ทำให้สูญเสียอธิปไตย ปกป้องศักดิ์ศรีโดยที่ไม่ต้องใช้กำลังทางทหารน่าจะดีที่สุด และข้อตกลงที่มาด้วยการเจรจาทางการทูต น่าจะมีความยั่งยืนที่สุด ขณะนี้สิ่งที่เราได้ตกลงกันปรากฏในเอกสาร ผมยังไม่อยากเรียกว่าข้อตกลงสันติภาพ แต่เป็นการประกาศเจตนารมณ์และข้อตกลงต่างๆ แต่การจะเกิดสันติภาพคือการปฏิบัติตามเอกสารที่เราจะลงนาม”
นายสีหศักดิ์ กล่าวด้วยว่า การที่เรามีพิธีที่กัวลาลัมเปอร์ มีสหรัฐฯ มีมาเลเซีย ประธานอาเซียน และอาจะมีประเทศอาเซียนอื่นร่วมด้วย เป็นสักขีพยานว่า จะนำไปสู่ปฏิบัติ ซึ่งทำฝ่ายเดียวไม่ได้ จะต้องมีกัมพูชาด้วย
“เรื่องที่เราเจรจา บางครั้งไม่ควรออกข่าวเยอะ เพราะเราเจรจากันอยู่ แต่จะเห็นว่าฝ่ายกัมพูชามักจะไปออกข่าว ซึ่งเราควรจะพูดในทางเดียวกัน ตรงนี้เป็นห่วง การที่เขาไปพูดฝ่ายเดียวทำให้เข้าใจผิด เราต้องมาชี้แจงท่าทีของเรา ทำให้ต้องชี้แจงกลับกันไปมา หวังว่าถ้าเราได้ลงนามในเอกสารคำประกาศจะได้เดินหน้าไปสู่การร่วมมือดำเนินมาตรการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกัน ป้องกันไม่ให้มีการเผยแพร่ข่าวปลอม ที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง”
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า เอกสารที่ทั้งสองประเทศจะลงนามเรียกว่า Joint Declaration between Thailand and Cambodia on the outcomes of their meetings ซึ่งไทยอยากเห็นก่อนการลงนามว่า มีความเคลื่อนไหวในทางปฏิบัติอย่างไร อย่างการถอนอาวุธหนักในวันที่ 25 ต.ค. ต้องเห็นการปฏิบัติที่ชัดเจน รวมถึงการกู้ทุ่นระเบิด เราจะเริ่มดำเนินการแล้ว หวังว่าเขาให้ความร่วมมือกับเรา อย่างน้อยต้องกำหนดวันว่าวันไหนจะเริ่มอย่างไร เพราะประชาชนคนไทย ต้องการรับรู้สิ่งเหล่านี้ ที่ผ่านมา ทางกระทรวงการต่างประเทศและทหาร พยายายามให้ข้อมูลข่าวสาร การเกิดความเข้าใจผิดว่าเราไปตกลงอะไรไปแล้วประชาชนไม่รับรู้ เราจึงให้ความสำคัญเพราะ เรื่องนี้เกี่ยวกับอธิปไตย บูรณภาพดินแดน ประชาชนต้องรับรู้
“เราไม่ได้ลงนามข้อตกลงสันติภาพ แต่เป็นการลงนามในเอกสารที่กำหนดแนวทางที่จะแก้ปัญหาไปสู่สันติภาพ หลังการลงนามความร่วมมือของนายกรัฐมนตรี จึงต้องเห็นแนวทางปฏิบัติ อย่างน้อยจะเห็นว่าเราเดินมาในทางที่ถูกต้อง พยายามแก้ปัญหาหลักๆ มีการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ และเมื่อเกิดการปฏิบัติ เราคงต้องมาดูการฟื้นฟูความสัมพันธ์อย่างไร เพราะไทยกัมพูชาเป็นเพื่อนบ้านกันเราต้องอยู่ด้วยกัน”
นายสีหศักดิ์ กล่าวย้ำว่าไทยยืนยันที่จะคุยในกรอบทวิภาคีมาตลอด ในขณะที่กัมพูชาต้องการไปศาลโลก แต่ในระยะหลังท่าทีของกัมพูชาเปลี่ยนไปมาเน้นการเจรจาระดับทวิภาคี ซึ่งอาจเป็นผลที่สหรัฐฯ เข้ามามีบทบาท รวมถึงมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน
“ไทยยืนยันตาม 4 ข้อตกลงที่เสนอไป โดยจะมีการเสนอให้มีคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน จะทำให้ทุกฝ่ายมั่นใจว่ามีการฏิบัติ ทั้งการหยุดยิง ลดกำลังตามชายแดน การถอนอาวุธหนักไปที่ตั้งเดิม และจะมีคณะผู้สังเกตการณ์ของอาเซียนมาติดตามโดยสมัครใจ”
นายสีหศักดิ์ กล่าวย้ำว่าถ้าผู้นำลงนามแล้ว แสดงว่าระดับผู้นำแสดงเจตนารมณ์ทางการเมือง เราต้องเดินหน้าไปสู่การปฏิบัติ ไม่ใช่ลงนามในเอกสารฉบับหนึ่ง ซึ่งตอนคุยกับฝ่ายสหรัฐฯ ตอนเขาเริ่มประสานงาน เราต้องการ Real peace เพื่อไปสู่ปฏิบัติให้ได้












