ASEAN

โฆษก KNU ชื่มชมไทยริเริ่มระเบียงมนุษยธรรม แนะ ให้ประสานตรง

มองบทบาทไทยร่วมสร้างสันติภาพเมียนมา ต้องเข้าใจบริบทการต่อสู้ คุยกับกลุ่มชาติพันธ์มากขึ้น

พะโด ซอ ตอนี (Padoh Saw Taw Nee) โฆษกสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (Karen National Union: KNU) เปิดเผยกับ The Reporters กรณีที่รัฐบาลไทยมีข้อริเริ่มด้านระเบียงมนุษยธรรม และการจัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมใน อ.แม่สอด จ.ตาก ซึ่งไทยจะประสานกับรัฐบาลและสภากาชาดเมียนมาไปมอบให้ผู้พลัดถิ่นในประเทศในรัฐกะเหรี่ยงนั้น

พะโด ซอ ตอนี กล่าวขอบคุณรัฐบาลไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระทรวงการต่างประเทศที่เป็นผู้ริเริ่ม และอยากเห็นกระบวนการดังกล่าวเริ่มต้นขึ้น ตนเองรู้สึกชื่นชมอย่างมาก แต่สิ่งหนึ่งที่ไทยพลาดไป นั่นคือไทยไม่จำเป็นต้องทำร่วมกับรัฐบาลสภาบริหารแห่งรัฐ (State Administration Council: SAC) หรือสภากาชาดเมียนมา (Myanmar Red Cross Society: MRCS) เป็นปัญหาใหญ่ที่เราไม่อาจยอมรับได้ หายนะทุกอย่างที่เกิดขึ้นในประเทศนั้นก็ก่อโดย SAC ซึ่งเป็นตัวปัญหาที่ทำลายทุกอย่าง แล้วจะมาเป็นผู้ช่วยเหลือเสียเอง เราไม่อาจยอมรับได้

“ไทยไม่จำเป็นต้องทำอย่างนั้นเลย ไทยสามารถมาหารือกับเราได้ แล้วเราก็จะแลกเปลี่ยนว่าหนทางที่เป็นไปได้นั้นมีอะไรบ้าง เรามีประสบการณ์มากมายตามแนวชายแดน ภาคประชาสังคมของเราทำงานกับผู้พลัดถิ่นในประเทศ (Internal Displaced Persons: IDP) และข้ามพรมแดนกว่า 20-30 ปี ดังนั้น นี่คือสิ่งที่เราแลกเปลี่ยนกับรัฐบาลไทยได้ว่าจะดำเนินความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมอย่างไร เพื่อให้ผู้คนจำนวนมากได้รับความช่วยเหลือตามจำเป็น กรุณามาหารือกับเราเพื่อเข้าใจสถานการณ์จริง หากไทยคุยกับ SAC ที่เป็นผู้ก่อปัญหา ก็จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น กระบวนการก็จะล้มเหลวแน่นอน อย่างไรก็ตาม เราชื่นชมที่ไทยกระตือรือร้นจะสนับสนุนในลักษณะนี้ แต่เราควรหันกลับมายังฟากฝั่งที่ถูกต้อง” โฆษก KNU กล่าวย้ำ

พะโด ซอ ตอนี ยังเปิดเผยว่า เราเองไม่ต้องการจะไปขัดขวางข้อริเริ่มของไทย ไม่ต้องการจะกล่าวอะไร ทั้งยังเข้าใจที่เป็นความร่วมมือระหว่างรัฐบาล แม้มันอาจจะได้ผลในทางทฤษฎี แต่การดำเนินการในสถานการณ์จริง อาจไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ได้ ดังนั้น จึงควรคุยกับใคร และอะไรเป็นทางเลือกที่ดี หากคุยกับเรา เราก็สามารถแลกเปลี่ยนกันได้ว่าควรมีอะไรตรงนั้นบ้าง

พะโด ซอ ตอนี ย้ำว่า พื้นที่ทุกแห่งรอบบริเวณนี้อยู่ในความควบคุมของเราแล้ว ทหารของกองทัพอยู่แค่เมืองที่ล้อมรอบโดยกองกำลังของเรา ดังนั้น จุดยืนของเราชัดเจนว่า ไม่จำเป็นต้องคุยกับกองทัพ เพราะหากคุยกัน เราไม่ยุ่ง แต่มันไม่อาจสำเร็จได้ ต้องคุยกับเราก่อนต่างหาก ซึ่งจะแลกเปลี่ยนกันได้ เรื่องนี้ค่อนข้างชัดเจน

สำหรับบทบาทของไทยโดยรัฐบาลใหม่ต่อกองกำลังชาติพันธุ์นั้น พะโด ซอ ตอนี มองว่า ไทยเป็นเพื่อนบ้านที่ดีมาก เราสามารถร่วมมือกันได้ในหลายอย่าง แต่อย่างแรกเลยคือ ไทยจำเป็นต้องเข้าใจสถานการณ์ของเราที่กำลังเกิดขึ้นจริง หากไทยขาดความเข้าใจในบริบทการต่อสู้ของเรา มันก็จะยิ่งใช้เวลามากขึ้น นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เราต้องประสานกับทางการไทยมากขึ้นกว่านี้ เพื่อให้เข้าใจถึงสถานการณ์จริง และอะไรที่สามารถเจรจาได้

“ทุกคนต้องการสันติภาพ แต่สันติภาพนี้แตกต่างจากที่อื่น ๆ ไม่เหมือนกับบริบทอื่น มีความซับซ้อนมาก และเราควรทำความเข้าใจให้ถ่องแท้“ โฆษก KNU กล่าว

รายงาน : ฐปณีย์ เอียดศรีไชย

Related Posts

Send this to a friend