เลขา สนทช.ประเมินพรุ่งนี้น้ำสุโขทัยพีคสุด จับตา ก.ย.นี้ฝนหนักซ้ำพื้นที่เดิม
เลขา สนทช.ประเมินพรุ่งนี้น้ำสุโขทัยพีคสุด เร่งระบายน้ำรักษาพื้นที่เศรษฐกิจ จับตา ก.ย.นี้ฝนหนักซ้ำพื้นที่น้ำท่วมเดิม
วันนี้ (26 ส.ค. 67) ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สนทช.) กล่าวถึงความพร้อมการรับมือมวลน้ำที่จังหวัดสุโขทัยว่า พรุ่งนี้น้ำจะมาถึงประตูระบายน้ำหาดสะพานจันทร์ ซึ่งจะมีปริมาณน้ำสูงสุด โดยบริเวณประตูระบายน้ำหาดสะพานจันทร์จะระบายน้ำไปที่คลองยมน่าน ก่อนหน้านี้ได้รื้อสะพานรถไฟซึ่งเป็นสิ่งกีดขวางทางน้ำ ทำให้ระบายน้ำได้ 300 ลบ.ม./วินาที จากเดิมระบายน้ำได้ 100 ลบ.ม./วินาที อีกส่วนจะระบายไปที่แม่น้ำยมเก่า ประมาณ 200 ลบ.ม./วินาที
ส่วนน้ำบริเวณท้ายประตูระบายน้ำหาดสะพานจันทร์จะผ่านมาที่ตัวเมืองสุโขทัย โดยขณะนี้ตัวเมืองสุโขทัยระบายน้ำอยู่ที่ 500 ลบ.ม./วินาที แม้จะมีน้ำล้นผนังกั้นน้ำบ้างเล็กน้อย แต่เป็นน้ำรินมีเครื่องสูบน้ำพยายามสูบออกเพื่อรักษาพื้นที่เศรษฐกิจในตัวเมืองสุโขทัย
จากนั้นน้ำเหล่านี้จะมายังจังหวัดพิจิตร พิษณุโลก และนครสวรรค์ ในพื้นที่ลุ่มต่ำจังหวัดพิจิตรอาจได้รับผลกระทบ เพราะปริมาณน้ำมีค่อนข้างมาก จึงได้ประกาศแจ้งเตือนไปยังพี่น้องประชาชนในพื้นที่ลุ่มต่ำ ส่วนหนึ่งน้ำจะเข้าไปในทุ่ง ทั้งทุ่งบางระกำ และทุ่งอื่น ๆ หากสถานการณ์ในน้ำน่านยังไม่สุดมากนัก จะเร่งระบายไปยังแม่น้ำน่าน เพื่อให้น้ำในทุ่งมีปริมาณน้อยลง
เราประเมินว่าเดือน ก.ย.จะมีปริมาณฝนค่อนข้างมาก โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบอุทกภัยในขณะนี้ โดยนายจักรพงษ์ แสงมณี รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้ดูแลพื้นที่น้ำท่วมขังที่ไม่สามารถระบายน้ำได้ โดยให้ระดมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกรมชลประทาน กรมทรัพยากรน้ำ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีเครื่องมือรถแบคโฮขุดระบายน้ำและเครื่องสูบน้ำ เพื่อทำให้พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบเข้าสู่สถานการณ์ปกติโดยเร็ว พร้อมกับเตรียมการรองรับน้ำช่วงเดือน ก.ย.ด้วย
ปริมาณน้ำในขณะนี้มาจากลุ่มน้ำยม เพราะน้ำในจังหวัดน่านจะลงที่เขื่อนสิริกิติ์ ส่วนน้ำจากจังหวัดพะเยาและเชียงรายจะลงไปสู่ลุ่มน้ำโขง น้ำจะมารวมกันที่จังหวัดนครสวรรค์ ประมาณ 1,000 ลบ.ม./วินาที ทำให้การระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยาอัตราอยู่ระหว่าง 700-1,000 ลบ.ม./วินาที ไม่ได้ส่งผลกระทบ เหมือนกับอุทกภัยในปี 2554 เนื่องจากปีดังกล่าวระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยาอยู่ที่ 3,000 ลบ.ม./วินาที แต่อาจจะส่งผลกระทบต่อประชาชนที่อยู่นอกพื้นที่คันกั้นน้ำและพื้นที่ลุ่มต่ำในจังหวัดอ่างทอง พระนครอยุธยา ชัยนาท และสิงห์บุรีบางส่วน
การระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยา กรมชลประธานจะมีการแจ้งเตือนให้กับพี่น้องประชาชนให้ยกของขึ้นที่สูง ยืนยันว่ารอบนี้ปริมาณน้ำต่างจากปี 2554 ส่วนพายุกรมอุตุนิยมวิทยาใช้หลักสถิติพบว่า ในช่วง ก.ย.-ต.ค. เป็นช่วงฤดูฝนมีโอกาสที่จะเกิดพายุหมุนฤดูร้อนในพื้นที่มหาสมุทรแปซิฟิก 1-2 ลูก แต่จะเข้ายังประเทศไทยหรือไม่ต้องรอติดตาม
อย่างไรก็ตามเราไม่ประมาท เตรียมความพร้อมพร่องน้ำในอ่างเก็บน้ำและเขื่อน โดยเฉพาะเขื่อนขนาดใหญ่ที่ยังสามารถรองรับน้ำได้เป็นอย่างมาก ทั้งยังเร่งระบายน้ำออกจากทุ่งให้เร็วที่สุด












