สรุปสถิติ 7 วันอันตรายสงกรานต์ 66 ยอดเมาแล้วขับพุ่ง 8,575 คดี กทม. ครองแชมป์สูงสุด 530 คดี

วันนี้ (18 เม.ย. 66) นายวีระกิตติ์ หาญปริพรรณ์ อธิบดีกรมคุมประพฤติ เปิดเผยว่า วันสุดท้ายของการคุมเข้ม 7 วันอันตรายสงกรานต์ 2566 (17 เม.ย. 66) สถิติคดีที่ศาลสั่งคุมความประพฤติมีจำนวนทั้งสิ้น 1,910 คดี จำแนกเป็น คดีเมาแล้วขับ 1,870 คดี คิดเป็นร้อยละ 97.9 และคดีเสพสารเสพติด 40 คดี คิดเป็นร้อยละ 2.1
สำหรับยอดสะสม 7 วัน (วันที่ 11–17 เม.ย. 66) มีจำนวนทั้งสิ้น 8,869 คดี จำแนกเป็น คดีเมาแล้วขับ 8,575 คดี คิดเป็นร้อยละ 96.69 คดีขับรถประมาท 23 คดี คิดเป็นร้อยละ 0.26 คดีขับซิ่ง 1 คดี คิดเป็นร้อยละ 0.01 และคดีเสพสารเสพติด 270 คดี คิดเป็นร้อยละ 3.04 สำหรับจังหวัดที่มีคดีเมาแล้วขับสูงสุด 3 อันดับ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร 530 คดี รองลงมาร้อยเอ็ด 473 คดี และเชียงใหม่ 458 คดี เมื่อเปรียบเทียบสถิติคดีเมาแล้วขับสะสมทั้ง 7 วันในช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2565 มีจำนวน 7,141 คดี พบว่าคดีเมาแล้วขับมีจำนวนเพิ่มขึ้น 1,434 คดี คิดเป็นร้อยละ 20.08
สำหรับช่วง 7 วันที่มีการควบคุมเข้มงวด สำนักงานคุมประพฤติทั่วประเทศได้ร่วมสนับสนุนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในการให้บริการประชาชนตามสถานที่ต่าง ๆ ซึ่งได้ให้บริการแจกน้ำดื่ม อาหาร เครื่องดื่มชูกำลัง อำนวยความสะดวกจราจร ที่จุดบริการประชาชน ด่านชุมชน และด่านตรวจค้น รวมทั้งสิ้น 562 จุด ผู้เข้าร่วมกิจกรรมประกอบด้วย อาสาสมัครคุมประพฤติ เครือข่ายยุติธรรมชุมชน ผู้ถูกคุมความประพฤติ และประชาชน จำนวนทั้งสิ้น 12,636 คน
อธิบดีกรมคุมประพฤติ กล่าวย้ำถึงมาตรการคุมประพฤติที่มีต่อผู้กระทำผิดที่เข้าสู่กระบวนการคุมความประพฤติในฐานความผิดเมาแล้วขับทุกราย จะต้องผ่านการคัดกรองแบบประเมินการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หากพบว่ามีความเสี่ยงสูงในการติดสุรา จะส่งเข้ารับการบำบัดรักษา ณ สถานพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุข สำหรับผู้กระทำผิดที่มีความเสี่ยงต่อการกระทำผิดซ้ำ ต้องเข้ารับการแก้ไขฟื้นฟูแบบเข้มข้นในรูปแบบค่ายปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเป็นระยะเวลา 3 วันต่อเนื่อง และต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขการคุมความประพฤติ อาทิ รายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ และทำงานบริการสังคม เพื่อตระหนักถึงผลกระทบที่เกิดจากการเมาแล้วขับ ป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุทางถนน ทำให้เกิดความสูญเสียต่อตนเองและครอบครัว รวมถึงสร้างความปลอดภัยให้กับสังคมต่อไป

