นายกฯ เดินหน้าโครงการแก้ปัญหาน้ำขนาดใหญ่ ชป.พร้อมช่วยเหลือเร่งด่วน
นายกฯ เดินหน้าโครงการแก้ปัญหาน้ำขนาดใหญ่ รองรับภาวะโลกร้อน ยืนยันดูแลคนทั้งประเทศไม่เลือกพื้นที่ เผยเตรียมรับฟังข้อเสนอแนะจาก ส.ส.ในพื้นที่ นำมาปรับแผนงานเพื่อประชาชน
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหมกล่าวภายหลังตรวจเยี่ยมสถานีสูบน้ำสุวรรณภูมิ โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาชลหารพิจิตร จ.สมุทรปราการ วันนี้ (12 ก.ย. 64) ว่า การลงพื้นที่วันนี้เพื่อตรวจระบบการระบายน้ำ ซึ่งเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2557 โดยก่อนหน้านี้มีปัญหาน้ำท่วมในหลายพื้นที่ ซึ่งต้องมีการปรับปรุงทำใหม่ให้ดีขึ้น
สำหรับสถานีสูบน้ำสุวรรณภูมิ เป็นพื้นที่รับน้ำแห่งใหม่ รับน้ำแทนพื้นที่สนามบินสุวรรณภูมิ ที่ถูกนำไปก่อสร้างสนามบิน โดยสามารถป้องกันปัญหาน้ำท่วมได้มากพอสมควร ถือเป็นการบริหารจัดการน้ำของสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติอย่างเป็นระบบ เพราะขณะนี้น้ำจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ จึงได้เตือนในที่ประชุมให้ระมัดระวังสถานการณ์น้ำที่ต้องพบภาวะโลกร้อน และต้องเตรียมแผนไว้ในระยะยาว ซึ่งการประชุมระหว่างภูมิภาคหลายประเทศต่างให้ความร่วมมือกันวางแผนจัดการเรื่องสิ่งแวดล้อม เพื่อไม่ให้โลกร้อน
นายกฯ ยืนยันต้องดูแลคนทั้งประเทศไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ของใคร และตนเองจะลงทุกพื้นที่ ในวันข้างหน้าจะมีการปรับแผนงาน การลงพื้นที่รับฟังความคิดเห็นจากบรรดา ส.ส. ในการดูแลประชาชนในพื้นที่ โดยคำนึงถึงจังหวัดพื้นที่ใกล้เคียงด้วย ซึ่งรัฐบาลจะต้องดูแลประชาชน พร้อมรับฟังประชาชนในหลายช่องทาง ที่สะท้อนผ่านทางจังหวัด และในสภาผู้แทนราษฎรที่มีการตอบกระทู้ปัญหาประชาชน ขณะเดียวกันรัฐบาลจำเป็นต้องมีโครงการที่เป็นโครงสร้างใหญ่ให้ประชาชน และในพื้นที่ก็บริหารโครงการในพื้นที่ต่อไป
ย้ำดูแลทุกพรรคการเมือง เพราะ ส.ส. คือผู้แทนของประชาชน ดังนั้นเมื่อเป็นรัฐบาลของประชาชนก็ต้องลงพื้นที่ และรับข้อเสนอแนะ ก่อนนำไปพิจารณาว่าจะใช้จ่ายงบประมาณอย่างไร โดยทุกอย่างต้องเป็นไปอย่างทุจริตและโปร่งใส และขอให้มีการดูแลงบประมาณที่ถูกเสนอมาโดย ส.ส.ที่อยู่ในคณะกรรมการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน โดยจะช่วยผลักดันโครงการต่าง ๆ ในพื้นที่
นายกฯ ยังคงเดินหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง เพราะถือเป็นโครงการระดับนโยบายของรัฐบาล พร้อมพิจารณาแต่ละโครงการทำประโยชน์เพื่อประชาชนหรือไม่ ถ้าไม่ดีก็ต้องยกเลิก
กรมชลประทานพร้อมช่วยเหลือเร่งด่วน เตรียมแผนรับมือ
นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน พร้อมด้วย ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล นายชูชาติ รักจิตร รองอธิบดีกรมชลประทาน ร่วมให้การต้อนรับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในโอกาสลงพื้นที่ไปตรวจราชการและติดตามแผนป้องกันน้ำท่วม ในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ โดย นายประพิศ เปิดเผยว่า กรมชลประทาน ได้ให้การช่วยเหลือในระยะเร่งด่วนด้วยการเร่งสูบน้ำออกจากพื้นที่ต่างๆ ระบายน้ำลงสู่ทะเลอ่าวไทย ออกทางปลายคลองชายทะเล ได้แก่ คลองบางปลาร้า คลองบางปลา คลองสุวรรณภูมิ คลองเจริญราษฎร์ คลองด่าน ประตูระบายน้ำ สน.พระยาวิสูตร ประตูระบายน้ำ สน.เทพรังสรรค์ ประตูระบายน้ำชลหารพิจิตร ประตูระบายน้ำชายทะเล นอกจากนี้ ยังได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพิ่มบริเวณคลองชายทะเลออกสู่อ่าวไทย เช่น ปตร.นางหงส์ ปตร.ชลหารพิจิตร เพื่อระบายน้ำออกจากพื้นที่จนสถานการณ์กลับเข้าสู่สภาวะปกติ
ปัจจุบัน กรมชลประทานได้ดำเนินการระบายน้ำลงทะเลอ่าวไทยรวม 370 ล้าน ลบ.ม. และระบายลงแม่น้ำบางปะกง 130 ล้าน ลบ.ม. ระบายน้ำได้รวมกว่า 500 ล้าน ลบ.ม. และมีแนวทางการป้องกันและบรรเทาปัญหาอุทกภัย โดยในระยะเร่งด่วน ได้ทำการปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องสูบน้ำทั้งหมด ส่วนในระยะกลาง มีแผนปรับปรุงคลอง 7 สาย ตามแผนหลักการบรรเทาอุทกภัยลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง ได้แก่ คลองพระองค์ไชยานุชิตคลองปีกกา คลองสำโรง คลองด่าน คลองประเวศน์บุรีรมย์ คลองอุดมชลขจร และคลองชวดพร้าว-เล้าหมู-บางพลีน้อย