เขื่อนเจ้าพระยาขึ้นธงแดง แจ้งระดับน้ำวิกฤต
หลังต้องปล่อยน้ำผ่านเขื่อนมากกว่า 3,000 ลบ.ม./ต่อวินาที เริ่ม 8 ต.ค. นี้
เช้าวันนี้ (7 ต.ค. 65) เขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท ขึ้นธงแดง แจ้งเตือนระดับอยู่ในเกณฑ์วิกฤติ เตรียมเพิ่มการระบายน้ำสูงสุด 3,000 ลบ.ม./วินาที วันที่ 8 ตุลาคมนี้เป็นต้นไป ขณะที่สถานการณ์น้ำเหนือเขื่อน ยังคงมีปริมาณมาก
ด้านกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ ออกประกาศฉบับที่ 49/2565 เรื่อง เฝ้าระวังระดับน้ำบริเวณแม่น้ำเจ้าพระยา ระบุว่ากองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ติดตามสถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยา มีน้ำหลากจากทางตอนเหนือไหลลงแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มมากขึ้น วานนี้ (6 ต.ค. 65) เวลา 18.00 น. มีปริมาณน้ำไหลผ่านบริเวณ จ.นครสวรรค์ (C.2) ในเกณฑ์ 3,077 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.)/วินาที
ปริมาณน้ำดังกล่าว จะไหลมารวมกับแม่น้ำสะแกกรังและลำน้ำสาขา ไหลเข้าเขื่อนเจ้าพระยา กรมชลประทานได้พิจารณารับน้ำเข้าคลองฝั่งตะวันตกและฝั่งตะวันออก เต็มศักยภาพคลองที่สามารถรองรับน้ำได้
ปัจจุบันระดับน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยาอยู่ที่ +17.64 เมตร จากระดับทะเลปานกลาง (ม.รทก) ซึ่งสูงกว่าระดับเก็บกัก 1.14 (+16.50 ม.รทก) เพื่อรักษาเสถียรภาพความมั่นคงของบานระบายน้ำและตัวเขื่อนเจ้าพระยา กรมชลประทานจำเป็นต้องควบคุมระดับน้ำ ด้านเหนือเขื่อนเจ้าพระยา ให้อยู่ในเกณฑ์ +17.60 ม.รทก ซึ่งจะส่งผลให้ปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มขึ้นอยู่ในอัตรามากกว่า 2,900 – 3,000 ลบ.ม./ต่อวินาที ตั้งแต่วันที่ 8 ต.ค. 65
ประกอบกับกรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือ และสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) ได้คาดการณ์ระดับน้ำทะเลหนุน ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณกองบัญชาการกองทัพเรือ กรุงเทพมหานคร ป้อมพระจุลจอมเกล้าฯ จ.สมุทรปราการ และพื้นที่ใกล้เคียง จะเพิ่มสูงขึ้นกว่าปกติ โดยระดับน้ำจะมีความสูงประมาณ 1.90 – 2.20 ม.รทก ในช่วงวันที่ 8 – 13 ต.ค. 65
กรมชลประทานจึงขอให้เฝ้าระวังผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น ตั้งแต่ด้านท้ายเขื่อนเจ้าพระยาระดับน้ำจะเพิ่มสูงขึ้นประมาณ 0.10 – 0.15 เมตร ประกอบด้วย จ.ชัยนาท ที่ อ.สรรพยา , จ.สิงห์บุรี ที่ อ.อินทร์บุรี อ.เมืองสิงห์บุรี และ อ.พรหมบุรี , จ.อ่างทอง ที่ อ.ป่าโมก และ อ.ไชโย คลองโผงเผง , จ.พระนครศรีอยุธยา ที่ คลองบางบาล อ.เสนา และ อ.ผักไห่
ส่วนพื้นที่ ที่ระดับน้ำจะเพิ่มสูงขึ้นจากเดิมประมาณ 0.15 – 0.30 เมตร ประกอบด้วย ตั้งแต่บริเวณ จ.พระนครศรีอยุธยา ที่ อ.บางไทร , จ.ปทุมธานี , จ.นนทบุรี , กรุงเทพมหานคร และ จ.สมุทรปราการ
