ให้สถานศึกษาทั่วประเทศ ใช้ “แผนเผชิญเหตุ” รับมือโควิดหลังหยุดยาวช่วงปีใหม่
ดร.สุภัทร จำปาทอง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ลงนามในประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง “มาตรการป้องกันและควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของกระทรวงศึกษาธิการ” (เพิ่มเติม ครั้งที่ 1) ให้สถานศึกษาใช้ “แผนเผชิญเหตุ” รับเปิดเรียนวันอังคารที่ 4 มกราคม 2565 เหมือนทุกครั้งที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิดมีจำนวนเพิ่มขึ้น
ก่อนหน้านี้ กระทรวงศึกษาธิการได้มีประกาศกระทรวง เรื่อง “มาตรการป้องกันและควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019” ลงวันที่ 30 ธันวาคม 2564 และ ประกาศแนวปฏิบัติของกระทรวงศึกษาธิการภายหลังเทศกาลปีใหม่ ที่ ศธ 0100.1/ว3787 ลงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2564 ซึ่งกำหนดมาตรการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้งหน่วยงาน และให้หลีกเลี่ยงการจัดกิจกรรมที่รวมกลุ่มคนจำนวนมาก
แต่ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคที่อาจยังมีต่อเนื่องหลังช่วงเทศกาลปีใหม่ 2565 จึงอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 23 แห่งพรบ.ระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. 2546 ประกาศแนวปฏิบัติเพิ่มเติม เพื่อให้สถานศึกษาในสังกัดและในกำกับของกระทรวงศึกษาธิการ ดำเนินมาตรการป้องกันและควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของกระทรวงศึกษาธิการเพิ่มเติม ดังนี้
ให้สถานศึกษาประเมินสถานการณ์ความเสี่ยงอย่างรอบด้านของนักเรียนหรือครูที่อาจเป็นกลุ่มเสี่ยงในการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในช่วงการเปิดเรียนตั้งแต่วันที่ 4 มกราคม 2565 เป็นต้นไป หากมีนักเรียนหรือครูที่เป็นกลุ่มเสี่ยงดังกล่าว ให้สถานศึกษาสามารถพิจารณาปรับการเรียนการสอนเป็นระบบการศึกษาทางไกล (On air/ Online/ On hand/ On demand) ได้ตามความเหมาะสม และประสานกับคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดอย่างใกล้ชิด
ให้สถานศึกษาประเมินมาตรการการเปิดเรียนตาม Thai stop COVID plus และปฏิบัติตามข้อกำหนดของ 6 มาตรการหลัก (DMHT-RC), 6 มาตรการเสริม (SSET-CQ) และแนวทาง 7 มาตรการเข้มสำหรับสถานศึกษาโดยเคร่งครัด โดยพื้นที่มีการแพร่ระบาดเป็นวงกว้างให้ปฏิบัติตามแนวทางคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด หรือตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด
ให้สถานศึกษาดำเนินมาตรการตามแผนเผชิญเหตุที่กำหนด กรณีนักเรียน ครู หรือบุคลากรในสถานศึกษา มีการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือมีผลตรวจคัดกรองหาเชื้อเป็นบวก โดยให้มีการซักซ้อมอย่างเคร่งครัด และประสานความร่วมมือกับสถานพยาบาลเครือข่ายในพื้นที่ที่ดูแลอย่างใกล้ชิด
