นายอุทิศ เสน่หา อายุ 49 ปี บ้านเลขที่ 111 หมู่ 4 ต.เชียงใหม่ อ.โพธิชัย จังหวัดร้อยเอ็ด ผู้ขับขี่รถแท็กซี่ สีชมพู ทะเบียน ทส 4044 กรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ปกติ ตนขับรถแท็กซี่ ช่วงเวลา 24.00-12.00 น. ของทุกวัน แต่เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 3 พฤศจิกายน 2562 รถแท็กซี่ที่ขับอยู่ประจำ มีปัญหาเกี่ยวกับระบบเบรค จึงตัดสินใจขับรถกลับอู่ ระหว่างที่กำลังทำความสะอาดรถเพื่อเตรียมให้ทางอู่นำรถไปแก้ไข พบกระเป๋าถือสีดำวางอยู่ภายในกระโปรงท้ายรถรู้สึกตกใจ เพราะจำไม่ได้ว่ากระเป๋าใบดังกล่าวเป็นของผู้โดยสารรายไหน จำได้เพียงว่าช่วงเวลาที่ขับนั้น ตนรับผู้โดยสารที่มีกระเป๋าสัมภาระที่ต้องวางไว้กระโปรงท้ายรถ 3 ราย โดยรายแรก เป็นชายชาวต่างชาติ ขึ้นรถจาก พัฒพงษ์ สีลม ไปลงที่สุขุมวิท 26 ส่วนรายที่สองเป็นผู้โดยสารวัยรุ่น ชาวต่างชาติ 2 คน ขึ้นรถจากย่านสุขุมวิทให้ไปส่งถนนจันทร์ และผู้โดยสารรายที่ 3 กลุ่มสุดท้ายเป็นคนไทย ขึ้นจากหมอชิต 2 ไปที่สุขุมวิท 62 ทั้งนี้ยังไม่แน่ใจว่า กระเป๋าที่พบเห็นของผู้โดยสารคนไหน
นายอุทิศ กล่าวว่า ขณะที่เจอกระเป๋าสัมภาระวางอยู่ในกระโปรงท้ายรถ ตกใจมากจึงแจ้งเจ้าของอู่ และเพื่อนๆ ที่อยู่ใกล้ๆ มาดู เพราะไม่รู้ว่าใครเป็นเจ้าของ และจะติดต่อส่งคืนได้อย่างไร ขณะที่เปิดกระเป๋าตรวจสอบเห็นโทรศัพท์ ยังคิดในใจว่า เจ้าของน่าจะโทรเข้าเครื่องจะได้รีบนำไปส่งคืน ระหว่างนั้นได้รับโทรศัพท์จากเจ้าหน้าที่ สวพ.FM 91 แจ้งว่า มีชาวต่างชาติลืมกระเป๋าพร้อมทรัพย์สินมีค่าไว้บนรถของตน จึงรีบเช่ารถเพื่อนที่อู่ นำกระเป่ามาส่งมอบให้เจ้าหน้าที่สถานีฯ
“ตนไม่เคยคิดอยากได้ของคนอื่น ในใจยังคิดอยู่ว่า ถ้าเจ้าของไม่โทรศัพท์เข้ามือถือ ก็จะเดินทางไปแจ้งความกับตำรวจ สน.วัดพระยาไกร ตนอยากคืนทรัพย์สินทั้งหมดให้เจ้าของให้เร็วที่สุด ขับรถแท็กซี่เลี้ยงครอบครัวมาตั้งแต่สมัยที่ พล.อ.เชาวลิต ยงใจยุทธ ยังไม่เป็นนายกรัฐมนตรี จำไม่ได้ว่ากี่ปีแล้ว และเคยเก็บเงินของผู้โดยสาร ที่ทำหล่นบนรถได้มากที่สุด คือ 50,000 บาท ซึ่งตนก็นำไปส่งคืนให้เจ้าของ เพราะจำบ้านของผู้โดยสารได้จึงขับรถไปคืนให้ถึงที่บ้าน” โชเฟอร์แท็กซี่ หนุ่มร้อยเอ็ด กล่าว
ทั้งนี้ ชาวต่างชาติได้มอบสินน้ำใจให้แท๊กซี่เป็นเงิน 15,000 บาท