POLITICS

‘ฐปณีย์’ เข้าพบพนักงานสอบสวน สน. ทุ่งสองห้อง ในฐานะพยาน คดี ‘ทนายรัชพล’ ฟ้อง ‘เรืองไกร – คิมห์’ เอกสารเท็จ

ชี้ ทำในฐานะหน้าที่สื่อ ฝันอยากเห็นไอทีวีกลับมาทำงานเหมือนที่เคยเป็น ไม่ใช่เครื่องมือทางการเมือง

วันนี้ (25 ก.ค. 66) เวลา 11:00 น. น.ส.ฐปณีย์ เอียดศรีไชย ในฐานะผู้ช่วยบรรณาธิการ ข่าวสามมิติ และอดีตผู้สื่อข่าวไอทีวี เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สน.ทุ่งสองห้อง ตามหมายเรียกในฐานะพยานคดีหุ้นสื่อ บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ในคดีที่ทนายรัชพล ศิริสาคร ผู้แจ้งความดำเนินคดีกับ นายคิมห์ สิริทวีชัย ประธานในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ITV ปี 2566 และ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ผู้ร้องเรียน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในกณีถือหุ้นสื่อ โดยมี นายจตุรงค์ สุขเอียด บรรณาธิการข่าวสามมิติ และอดีตบรรณาธิการข่าวเฉพาะกิจ สถานีโทรทัศน์ไอทีวี ร่วมสังเกตการณ์

น.ส.ฐปณีย์ เปิดเผยว่า มาตามหมายเรียกในฐานะพยานของพนักงานสอบสวน สน.ทุ่งสองห้อง ในคดีที่ทนายรัชพล ศิริสาคร แจ้งความเอาผิดนายคิมห์ และนายเรืองไกร ฐานความผิด แจ้งความเท็จ และการปลอมแปลงเอกสาร เนื่องจากทนายรัชพลได้นำคลิปวีดีโอบันทึกการประชุม ที่ไม่ตรงกับหลักฐานบันทึกการประชุมที่ข่าวสามมิตินำเสนอ มายื่นประกอบการฟ้อง ทำให้พนักงานสอบสวนจึงต้องเรียกเราในฐานะผู้สื่อข่าวนี้ ตามที่มีการรายงานข่าวมาให้การในฐานะพยาน

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า พนักงานสอบสวนได้ระบุประเด็นที่ต้องมาให้ข้อมูลวันนี้หรือไม่ น.ส.ฐปณีย์ กล่าวว่า ก็ตามข่าวที่ได้เสนอไป ซึ่งพนักงานสอบสวนก็ได้บอกว่าอยากให้นำคลิปที่ออกอากาศไปมามอบกับพนักงานสอบสวน ซึ่งเป็นคลิปที่ได้บันทึกจากแหล่งข่าวที่ให้ข้อมูลมา มีความยาวเพียง 3 นาทีจากการประชุมทั้งหมดที่ใช้เวลาร่วมหลายชั่วโมง ส่วนข้อมูลที่เหลือก็เป็นหน้าที่ของผู้เกี่ยวข้องที่จะสืบค้นและหาข้อมูลมาตรวจสอบเพิ่มเติม รวมถึงคลิปดังกล่าวก็มีเนื้อหาเป็นไปตามที่ได้รายงานข่าวไว้ ซึ่งเราได้ตรวจสอบแหล่งที่มาก่อนแล้ว รวมถึงรักษาความปลอดภัยของแหล่งข่าวที่นำข้อมูลมาให้

ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า จากหลักฐานดังกล่าว จะต้องไปเป็นพยานให้กับนายพิธาในขั้นตอนของศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ น.ส.ฐปณีย์ ระบุว่า ขึ้นอยู่กับผู้เกี่ยวข้อง ว่าจะมีการอ้างอิงตามหลักฐานที่เผยแพร่ ไปสู่การพิจารณาตามขั้นตอนของศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ พร้อมยืนยันว่า ที่ออกมาทำเรื่องนี้นั้นไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องทางการเมือง เพียงแต่ทำในฐานะหน้าที่ของสื่อ โดยส่วนตัวก็มีความฝันว่า หากไอทีวีจะกลับมาดำเนินกิจการอีกครั้ง ก็อยากให้กลับมาอย่างที่เคยเป็น และเคยทำงาน ไม่อยากให้ตกเป็นเครื่องมือทางการเมือง ซึ่งขณะนี้จากการออกมาทำประเด็นดังกล่าว ยังไม่มีอะไรมากระทบกับตัวเอง แต่มั่นใจว่าสิ่งที่นำเสนอไปด้วยความรอบคอบถูกต้อง หากจะเกิดอะไรขึ้นก็พร้อมที่จะได้รับการตรวจสอบกลับเช่นกัน

ด้าน นายจตุรงค์ กล่าวว่า ตนเป็นอดีตประธานสหภาพแรงงานไอทีวี มีส่วนกับการได้เสียของไอทีวีโดยตรง เมื่อทราบข่าวจึงต้องการทราบถึงข้อเท็จจริง โดย น.ส.ฐปณีย์ ได้ค้นหาที่ตั้งของบริษัทไอทีวีเพื่อไปสอบถามกับทีมผู้บริหารถึงสภาพความเป็นสื่อของไอทีวี และได้พบกับผู้บริหารคนหนึ่ง แต่ไม่มีใครที่สามารถให้ข้อมูลได้

ทั้งนี้ ก็มีผู้ที่ให้ข้อมูลการประชุมดังกล่าวว่า ข้อเท็จจริงไม่ตรงกับข้อมูลที่ถูกเผยแพร่ไปอย่างไร นอกจากนี้ ยังพบการทำบัญชีบางส่วนที่ปรากฎการว่าจ้างทำสื่อ ภายหลังไม่ได้ดำเนินกิจการมาแล้ว ดังนั้นเจ้าหน้าที่ต้องสืบค้นต่อว่าใครเป็นผู้ว่าจ้าง ขณะที่คนส่วนใหญ่ก็ทราบดีว่าพนักงานไอทีวีนับพันคนถูกเลิกจ้าง พร้อมได้รับเงินชดเชยจากภาครัฐแล้ว ซึ่งนับแต่ถูกเลิกจ้างก็ไม่เคยดำเนินกิจการสื่อเลย เราก็ร่วมต่อสู้จนถึงวันที่ไอทีวีถูกปิด จึงต้องการจะเป็นตัวแทนที่จะหาคำตอบ หากทุกวันนี้ไอทีวียังเป็นสื่อจริงก็ปฏิเสธไม่ได้ แต่ปัจจุบันศาลปกครองสูงสุดยังคงอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาการตัดสินว่า ไอทีวียังคงดำเนินกิจการหรือไม่

Related Posts

Send this to a friend