‘เศรษฐา’ นำขุนพลเศรษฐกิจ แจงกระเป๋าดิจิทัล 1 หมื่นบาท รีดงบประมาณมาปั๊มคนไทยให้ยืนด้วยลำแข้ง
‘เศรษฐา’ นำขุนพลเศรษฐกิจ แจงกระเป๋าดิจิทัล 1 หมื่นบาท รีดงบประมาณมาปั๊มคนไทยให้ยืนด้วยลำแข้ง ไม่ใช่หยอดน้ำข้าวต้มไปวันๆ ปัดเป็นประชานิยมสุดโต่ง ตั้งเป้าเป็นรัฐบาลดันเศรษฐกิจโตปีละไม่ต่ำกว่า 5%
วันนี้ (7 เม.ย. 66) นายเศรษฐา ทวีสิน ผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย นายแพทย์พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานคณะทำงานนโยบาย พรรคเพื่อไทย และประธานกรรมการด้านเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย และกรรมการ เลขานุการ และโฆษกคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย นายจักรพงษ์ แสงมณี นายทะเบียนพรรค และกรรมการด้านเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย ร่วมกันแถลงข่าว ณ ที่ทำการพรรคเพื่อไทย หัวข้อ ไขข้อข้องใจนโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท ของเพื่อไทย
นายเศรษฐา ชี้แจงสาเหตุที่ให้เป็นกระเป๋าเงินดิจิทัล ไม่ใช่เงินสด เพราะสามารถจำกัดการใช้ได้ด้วยเทคโนโลยี ที่จะสามารถแจ้งข้อมูลได้ว่านำไปใช้จ่ายอะไรบ้าง นอกจากนี้ยังมีการพิจารณาว่าจะสามารถนำเงินจำนวนนี้ ไปใช้เพื่อชำระหนี้สถาบันการเงินได้
เงินส่วนนี้สามารถใช้ในสาธารณูปโภคพื้นฐานได้ สามารถใช้กับร้านสะดวกซื้อได้ และใช้ได้ทุกคนตั้งแต่อายุ 16 ปีขึ้นไป ไม่มีการกำหนดรายได้ขั้นต่ำ คาดว่าใช้งบประมาณ 5 แสนล้านบาท และเป็นการให้แค่เป็นครั้งเดียว ซึ่งหากเพื่อไทยได้รับการเลือกตั้ง คาดว่าเดือนมกราคมปี 2567 ก็สามารถริเริ่มโครงการได้
ส่วนที่ให้ในระยะเวลา 6 เดือนนั้น เพราะต้องการให้มีการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะแรก ซึ่งกำหนดรัศมีในการใช้ 4 กิโลเมตรตามที่อยู่ในบัตรประชาชน หากในระยะ 4 กิโลเมตรไม่มีร้านค้า ก็อาจขยายเป็นระยะ 7.5 กิโลเมตร ส่วนกรณีที่อยู่ปัจจุบันไม่ตรงกับที่บัตรประชาชน จะไม่สามารถใช้ได้ เพราะนโยบายนี้ต้องการให้ใช้เงินที่บ้านเพื่อขยายความเจริญไปในระดับภูมิภาค หาก 6 เดือนไม่ได้กลับไปเยี่ยมบ้านเงินจำนวนนี้ก็จะหายไป
นายแพทย์พรหมมินทร์ กล่าวว่า ทุกนโยบายของเพื่อไทยมีการทดสอบ ทดลองว่าสามารถทำได้จริง จึงประกาศเป็นนโยบาย ทั้งด้านเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว เพื่อไทยไม่อยากหยอดน้ำข้าวต้มเพื่อยืดความตาย แต่มองว่าต้องปั๊มหัวใจ นโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัลจะกระตุ้นให้ตรงเป้าซึ่งจะเห็นได้ชัดในภาคเกษตร เพราะเงินส่วนนี้จะเป็นต้นทุน สร้างการเกิดรายได้เพิ่ม นโยบายนี้เป็นมาตรการระยะสั้น แต่ระหว่าง 6 เดือนที่มีการใช้เงินนี้จะมีมาตรการอื่นออกมาเพิ่ม เป็นการปลุกเร้าให้คนมีแรงสู้
นายเผ่าภูมิ กล่าวถึง การสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัล จะโตเร็วกว่าเศรษฐกิจพื้นฐาน วันนี้เพื่อไทยประกาศนโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัลเพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินรองรับเศรษฐกิจดิจิทัล สนับสนุนโดยเทคโลโลยีบล็อคเชน ระบบการเงินยุคใหม่ จากนี้คนไทยอายุ 16 ปีขึ้นไปจะมี 2 บัญชี คือบัญชีออมทรัพย์ปกติผูกกับธนาคาร และบัญชีดิจิทัล ผูกกับบัตรประชาชนโดยอัตโนมัติ จึงเป็นที่มาในการใส่เงินก้นถุง 10,000 บาทให้ประชาชน เป็นการสร้างแรงจูงใจให้คนมาใช้ระบบใหม่ ซึ่งมีความแตกต่างจากแอพพลิเคชันเป๋าตังค์ที่เป็นเงินในโลกยุคเก่า ขณะที่บล็อคเชน เป็นเงินในโลกยุคใหม่ที่สามารถเขียนเงื่อนไขลงบนเงินได้ ทำให้ไทยเป็นผู้นำด้านเศรษฐกิจดิจิทัล
นายจักรพงษ์ ยืนยันว่า พรรคเพื่อไทยไม่ยกเลิกบัตรคนจน แต่จะเปิดโอกาสให้เลือกระหว่างใช้บัตรกับกระเป๋าเงินดิจิทัล เชื่อว่าหากเริ่มใช้กระเป๋าเงินดิจิทัลเมื่อไหร่ ประชาชนจะไม่อยากใช้บัตรคนจนอีก ซึ่งจะช่วยลดงบประมาณส่วนนี้ไป ประมาณ 50,000 ล้านบาท และเมื่อพรรคเพื่อไทยมีโอกาสจัดตั้งรัฐบาล จากสามารถรีดงบส่วนเกินจาก พ.ร.บ.งบประมาณฯ ได้อีกหลายแสนล้านบาท
ส่วนจะต้องลดงบประมาณของหน่วยงานรัฐใดบ้างนั้น นายเศรษฐา ระบุว่า เป็นการลดงบประมาณโดยดูตามความเหมาะสม ไม่ใช่แค่กระทรวงกลาโหม แต่ต้องดูส่วนอื่นด้วย
ผู้สื่อข่าวสอบถามถึงกรณีมีนักวิชาการมองว่าเป็นนโยบายประชานิยมสุดขั้ว อาจกระทบหนี้สาธารณะของประเทศ นายเศรษฐา ตอบว่า ระหว่างการใช้นโยบายนี้ พรรคเพื่อไทยมีนโยบายอื่นเพิ่มรายได้ให้ประชาชนควบคู่ไปด้วย ทั้งการพักหนี้ การขึ้นค่าแรง 600 บาท และเงินเดือน 25,000 บาท ซึ่งจะช่วยทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น และรัฐยาลสามารถจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ได้มากขึ้น
นายเศรษฐา ย้ำว่า เป็นความจำเป็นและความต้องการของประชาชน ไม่อยากให้ใช้คำว่าประชานิยมสุดโต่ง และมั่นใจว่าหากได้เป็นรัฐบาลในระยะเวลา 4 ปีจะทำให้เศรษฐกิจโตได้เฉลี่ยไม่ต่ำกว่าปีละ 5%
สำหรับกรณีหลายฝ่ายมองว่าอาจเข้าข่ายการสัญญาว่าจะให้ นายแพทย์พรหมมินทร์ มั่นใจว่า ไม่น่ามีปัญหา เพราะเป็นการให้คนไทยทุกคน ไม่ใช่เจาะจงเฉพาะกลุ่ม
ส่วนกรณีมีบางพรรคการเมืองออกมาระบุว่าพรรคเพื่อไทยเคยพูดว่าบัตรคนจนเป็นการตอกย้ำความจน แต่เมื่อเพื่อไทยออกนโยบายนี้ จึงถูกวิจารณ์กลับว่ามองประชาชนเป็นยาจกนั้น นายเศรษฐาหัวเราะ ก่อนยืนยันว่า ไม่เคยมองคนเป็นยาจก แต่มีเป้าหมายช่วยคนให้พ้นหลุมดำของความยากจน กระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาทจะเป็นจุดสตาร์ทให้ประชาชนลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง ถือการเป็นช่วยเหลือประชาชน ไม่ได้มองประชาชนว่าเป็นยาจก
นายแพทย์พรหมมินทร์ ยังกล่าวเสริมต่อไปว่า คนที่พูดแบบนี้อาจจะไม่เข้าใจ หรือมองจากมิติของตัวเอง ประเทศถอยหลังไปเยอะ เปรียบเหมือนคนกำลังจมน้ำ เงินดิจิทัลเปรียบเหมือนห่วงชูชีพช่วยคนขึ้นมาพักหายใจ ให้ประชาขนยืนบนลำแข้งตัวเองอย่างมีศักดิ์ศรี ซึ่งงบทั้งหมดในกรอบที่เสนอไป ทั้งฝ่ายเศรษฐกิจและกฎหมายดูแลอย่างใกล้ชิด ว่าเป็นไปตามกรอบงบประมาณ คือการบริหารสิ่งที่มีอยู่ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นกว่าเดิม พร้อมเปรียบว่าเหมือนประเทศไทยมีรถเฟอร์รารี แต่ให้คนขับเกวียนมาขับ ต่อไปนี้นักแข่งรถมาเอง
ด้านนายเผ่าภูมิปิดท้ายว่า เราคือทุนนิยม แต่เป็นทุนนิยมที่มีหัวใจ ใช้หลักการรดน้ำที่ราก เห็นความสำคัญเศรษฐกิจทุกระดับ พร้อมยืนยันพรรคเพื่อไทยมีความรับผิดชอบสูงสุดต่อวินัยการเงินการคลังของประเทศ












