POLITICS

‘เท่าพิภพ’ คัมแบ็กสมัคร สส. บางพลัด-บางกอกน้อย ภารกิจสำคัญคือทวงคืนความเชื่อมั่น-เข้าสภาฯ โหวต ‘เท้ง’ เป็นนายกฯ

วันนี้ (30 ธ.ค. 68) นายพิจารณ์ เชาว์พัฒนวงศ์ กรรมการบริหารพรรคประชาชน ในฐานะผู้รับผิดชอบแคมเปญเลือกตั้งกรุงเทพมหานคร พร้อม น.ส. พรรณิการณ์ วานิช แกนนำคณะก้าวหน้า ในฐานะผู้ช่วยหาเสียง นำนายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ยื่นใบสมัคร สส. เขต 33 บางพลัด-บางกอกน้อย ในนามพรรคประชาชน ที่อาคารกีฬาเวสน์ 2 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) ดินแดง หลังนายบุญฤทธิ์ เรารุ่งโรจน์ ผู้สมัครคนเก่าต้องคดีฟอกเงิน

นายเท่าพิภพ เปิดเผยว่า ความกังวลได้หมดไปตั้งแต่เมื่อวานที่มีการประชุมไพรมารีโหวต ซึ่งมีเสียงเอกฉันท์ให้ตนเองมาทำหน้าที่นี้ ซึ่งตนเองมั่นใจเพราะได้พลังจากทุกคน ภารกิจนี้ไม่ใช่แค่บางกอกน้อยหรือบางพลัด แต่เป็นภารกิจของพรรคประชาชนทั้งประเทศที่จะทวงคืนความไว้วางใจ ตนเองเป็นผู้แทนราษฎรมา 7 ปี พูดเสมอว่าทรัพย์สินที่สำคัญที่สุดของนักการเมืองคือความไว้วางใจของประชาชน ในเมื่อวันที่เราเสียมันไปแล้วไม่มีทางทวงคืนได้ จะใช้เงินเท่าไรก็ไม่มีทางทวงคืนมาได้ พรรคเห็นว่าตนเองเหมาะสมที่จะไปทวงความเชื่อใจกลับคืนมา ตนเองจึงตอบรับและพร้อมกับทำหน้าที่

ความจริงตนเองก็ช่วยงานพรรคประชาชนอยู่ เมื่อวานยังเป็นผู้อำนวยการการเลือกตั้งจังหวัดนนทบุรี และเป็นผู้ช่วยหาเสียงให้กับเขตเดิมของตนเอง ส่วนตอนบ่ายก็มาเป็นแคนดิเดต สส. ในเขต 33 เวลาเราน้อยจึงหมดเวลาลังเล ใช้เวลาตัดสินใจเพียง 8 วินาที

“สำหรับชาวบางพลัด-บางกอกน้อย ผมเข้ามาตรงนี้ไม่ใช่พรรคคิดว่าจะส่งใครลงก็ได้ แต่เชื่อมั่นว่าจากประสบการณ์จะทำให้ผมสามารถรับใช้พี่น้องประชาชนในเขตนี้ได้อย่างแน่นอน”

ส่วนที่มีบางกลุ่มพยายามหยิบคำพูดของตนเองขึ้นมา ว่าตระบัดสัตย์ บอกว่าจะไม่ลงการเมืองแล้วกลับมาอีกครั้งหนึ่ง นายเท่าพิภพ กล่าวว่า เป็นความจำเป็น 48 ชั่วโมงนี้สำคัญมาก หากเรามีเวลามากกว่านี้อาจเป็นผู้สมัครคนอื่น สามารถด่าตนเองได้ว่าตระบัดสัตย์หรือย้อนคำ แต่ไม่ได้มาอยู่ตรงนี้เพื่อตนเอง จะด่าก็ได้เพราะตนเองมาที่นี่เพื่อการเปลี่ยนแปลง เป็นหนึ่งเสียง เป็นทางเลือกให้กับชาวบางพลัด-บางกอกน้อย เข้าสภาฯ เพื่อโหวตให้นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ เป็นนายกรัฐมนตรีเพื่อเปลี่ยนประเทศ สิ่งนี้สำคัญมากกว่าการที่ตนเองพูดแล้วจะคืนคำหรือไม่คืนคำ หลายคนเข้าใจว่าสถานการณ์นี้ก็ต้องทำแบบนี้

นายพิจารณ์ กล่าวว่า อยู่ที่ความไว้วางใจของประชาชน เมื่อเราพบว่ามีผู้สมัครที่มีความเกี่ยวข้อง แต่พรรคแสดงให้เห็นว่าแม้จะเป็นผู้ถูกกล่าวหาหรือผู้ต้องหาเพื่อสะท้อนว่าเราไม่จำเป็นต้องปกป้องใคร ผู้สมัครต้องดีที่สุดสำหรับประชาชน เราจึงจำเป็นต้องเปลี่ยนตัว วันนี้เราอยู่ในช่วงการเลือกตั้ง สิ่งสำคัญมากไปกว่านั้น เมื่อวันที่พรรคประชาชนเป็นรัฐบาลมีจำนวน สส. ในสภาฯ มากกว่ากึ่งหนึ่งและมีรัฐมนตรี เป็นบทบาทสำคัญที่จะตรวจสอบกันภายในพรรคเพื่อให้มั่นใจว่าผู้แทนราษฎรในสภาฯ จะไม่ไปทุจริตคอร์รัปชัน คณะรัฐมนตรีจะทำงานเพื่อตอบโจทย์ประชาชน ยืนยันว่า “มีส้มไม่มีเทา” ไม่ใช่แค่สโลแกนหาเสียง แต่กลั่นออกมาจากวิธีคิดและวิธีทำงานของพวกเรา

ส่วนเหตุผลที่เลือกนายเท่าพิภพ เพราะเป็นไปตามกระบวนการที่ต้องมีผู้เสนอตัวเข้ามา หลังจากที่เห็นนายเท่าพิภพโพสต์ในเฟซบุ๊ก ตนเองดีใจที่เสนอตัวเข้ามา ในเบื้องหลังมีหลายคนที่เสนอตัวเข้ามาแต่ภายใต้เวลาก่อนที่จะมีการปิดรับสมัครในวันที่ 31 ธ.ค. นี้ คณะกรรมการคัดสรรและคณะกรรมการบริหารพรรคจะมีเวลาเพียงพอหรือไม่ที่จะตรวจสอบผู้ที่สนใจเข้ามาเป็นตัวแทน แต่สำหรับนายเท่าพิภพที่เราฝ่าฟันอุปสรรคมาหลายอย่าง จึงค่อนข้างมั่นใจ ตนเองคิดตรงกับคณะกรรมการคัดสรรและสมาชิกที่มีการทำไพรมารีโหวต จึงขอขอบคุณนายเท่าพิภพที่เสียสละ เชื่อว่าจะมีประชาชนบางส่วนที่ต่อว่าต่อขานว่ากลับคำพูด แต่ครั้งนี้เป็นการเข้ามาช่วยกอบกู้สถานการณ์ให้กับพรรค

ทั้งนี้ ตามข้อกฎหมายเข้าใจว่าการส่งผู้สมัครคนใหม่แทนผู้สมัครคนเดิม จะต้องเป็นกรณีที่ผู้สมัครคนเดิมเสียชีวิตหรือขาดคุณสมบัติ ซึ่งนายบุญฤทธิ์ ผู้สมัครคนเดิม ได้ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคแล้ว ทำให้ขาดคุณสมบัติในการเป็นผู้สมัครของพรรค ทำให้สามารถเปลี่ยนผู้สมัครได้ เป็นกระบวนการตามกฎหมาย โดยหลังจากนี้ กกต. จะต้องมีการรับรองผู้สมัครตามเงื่อนเวลา เชื่อมั่นว่าไม่ได้มีข้อติดขัดทางกฎหมาย

นายพิจารณ์ ยังกล่าวถึงผลกระทบกับแคมเปญ “มีส้มไม่มีเทา” ว่า ตนเองตอบแทนประชาชนไม่ได้ แต่สิ่งที่เราทำทันทีหลังจากทราบภายในเวลา 3 ชั่วโมง คือเร่งหารือและหาทางออก อยากให้ประชาชนมองเห็นถึงการกระทำและความจริงใจ เราพยายามออกแบบกระบวนการคัดสรรผู้สมัครให้ดีขึ้นทุกการเลือกตั้ง รอบนี้มีการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมและเครดิตบูโร เอาชื่อผู้สมัครไปประกาศในเว็บไซต์เพื่อให้ประชาชนเข้ามาแสดงความคิดเห็น เราพยายามทำให้ดีที่สุด แต่รอบนี้ด้วยเงื่อนเวลากระบวนการการออกหมายจับมาหลังกระบวนการพรรค เมื่อเรารู้เราทำทันที

“แม้ตัวผู้ถูกกล่าวหาจะยังไม่มีคำวินิจฉัยออกมา แต่เมื่อมีความเคลือบแคลงสงสัย จึงจำเป็นจะต้องเปลี่ยนตัว ฝากไปถึงประชาชนการที่เราพูดว่ามีส้มไม่มีเทา ไม่ใช่แค่การเลือกตั้ง แต่เราจะทำแม้ว่าเราจะเข้าสู่การเลือกตั้งไม่ว่าจะเป็น สส. หรือ ครม.”

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า นายเท่าพิภพ ได้หมายเลข 11 โดยในเวลา 10.00 น. นายพิจารณ์ น.ส. พรรณิการ์ และนายเท่าพิภพ จะลงพื้นที่ไปกราบขอโทษประชาชนบริเวณถนนบางขุนนนท์ กรุงเทพมหานคร

Related Posts

Send this to a friend