PROPERTY

เจแอลแอล คาดการลงทุนซื้อขายโรงแรมในเอเชียแปซิกปี 69 มูลค่าแตะ 13,300 ล้านดอลลาร์

เจแอลแอล คาดการลงทุนซื้อขายโรงแรมในเอเชียแปซิกปี 69 มูลค่าแตะ 13,300 ล้านดอลลาร์ ชี้ ไทยนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลง แต่ยังมีการลงทุนต่อเนื่อง

เจแอลแอล บริษัทที่ปรึกษาและบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ คาดการณ์ ปี 2569 ตลาดการลงทุนซื้อขายโรงแรมของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจะมีมูลค่ารวมประมาณ 13,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากปีนี้ที่คาดว่าจะมีมูลค่า 11,900 ล้านดอลลาร์

การคาดการณ์ของเจแอลแอลสะท้อนถึงสภาพตลาดการลงทุนที่มีความต้องการซื้อสูง สินทรัพย์โรงแรมที่เสนอขายมีจำนวนจำกัดลง ขณะที่โรงแรมในกลุ่มประเทศที่เป็นตลาดการลงทุนความเสี่ยงต่ำ มีราคาสูง ส่วนกลุ่มประเทศที่เป็นตลาดเกิดใหม่ นักลงทุนยังมีโอกาสได้ผลตอบแทนจากมูลค่าที่อาจเพิ่มขึ้นในอนาคต นอกจากนี้ ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจในระดับมหภาค ทำให้นักลงทุนระมัดระวังในการตัดสินใจลงทุนมากขึ้น ส่งผลให้กระบวนการตรวจสอบข้อมูลใช้เวลานานขึ้น มีการเน้นย้ำเรื่องการควบคุมค่าใช้จ่ายมากขึ้น

สำหรับช่วงที่เหลือของปี 2568 ไปถึงปี 2569 ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และออสเตรเลีย ยังคงเป็นตลาดโรงแรมที่นักลงทุนให้ความสนใจมากที่สุด โดยเฉพาะนักลงทุนประเภทบุคคลผู้มีความมั่งคั่งสูง นอกจากนี้ ยังมีตลาดโรงแรมอื่น ๆ ที่เล็งเห็นศักยภาพการลงทุน เช่น เวียดนาม ซึ่งกำลังได้รับความสนใจอย่างมาก

ส่วนประเทศไทย ยังคงเป็นที่นิยมในหมู่นักลงทุนในประเทศ รวมถึงนักลงทุนระหว่างประเทศบางส่วน โดยเฉพาะจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แม้ส่วนใหญ่จะเป็นธุรกรรมที่มีมูลค่าไม่สูง แต่ไทยยังคงเป็นหนึ่งในตลาดที่มีการลงทุนต่อเนื่อง โดยปี 2568 คาดว่ามีมูลค่าซื้อขายสูงที่ 80.4 ล้านดอลลาร์ (ราว 26,000 ล้านบาท) ส่วนปี 2569 จะลดลงมาที่ 40.2 ล้านดอลลาร์ (ราว 13,000 ล้านบาท)

นิฮาท เออร์แคน ประธานกรรมการบริหารภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก กลุ่มธุรกิจบริการการลงทุนด้านโรงแรมของ เจแอลแอล กล่าวว่า โดยรวมปัจจัยพื้นฐานของตลาดยังคงแข็งแกร่ง เห็นได้จากประมาณการขององค์การการท่องเที่ยวโลกแห่งสหประชาชาติที่คาดว่า ปริมาณการเดินทางระหว่างประเทศของทั้งปี 2568 จะขยายตัวเพิ่มขึ้น 3-5%

สำหรับเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือมีการฟื้นตัวในระดับที่แข็งแกร่งมากที่สุด ด้วยอัตราการเติบโต 20% ส่วนประเทศที่มีปริมาณการเดินทางเข้ามาของชาวต่างชาติที่ขยายตัวสูงสุดในภูมิภาคได้แก่ ญี่ปุ่น และเวียดนาม โดยเติบโตเพิ่มขึ้น 21% ตามมาด้วยเกาหลีใต้ ที่ 15%

ส่วนประเทศไทย 9 เดือนแรกของปี 2568 ปริมาณการเดินทางเข้ามาของชาวต่างชาติปรับตัวลดลง 8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เป็นผลมาจากนักท่องเที่ยวจีนลดลง 35% อย่างไรก็ดี ช่วง 9 เดือนแรกของปี มีนักท่องเที่ยวจากบางประเทศที่เดินทางเข้ามาในไทยเพิ่มขึ้น ได้แก่ อินเดีย สหราชอาณาจักร และรัสเซีย

ช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568 ภาคธุรกิจโรงแรมของเอเชียแปซิฟิกมีรายได้เฉลี่ยต่อห้องพักปรับตัวสูงขึ้น 2% อย่างไรก็ดี สำหรับประเทศไทยรายได้เฉลี่ยต่อห้องพักปรับตัวลดลง 4% ในช่วงเดียวกัน แต่ตลาดการลงทุนซื้อขายโรงแรมในไทยช่วง 9 เดือนแรก ยังมีมูลค่าการซื้อขายรวม 642 ล้านดอลลาร์ (20,800 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นจาก 524 ล้านดอลลาร์ (17,000 ล้านบาท) ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

น.ส.พิมพ์พะงา ยมจินดา รองประธานฝ่ายบริการลงทุนซื้อขายภาคพื้นเอเชีย กลุ่มธุรกิจบริการการลงทุนด้านโรงแรมของ เจแอลแอล กล่าวว่า ธุรกรรมการซื้อขายโรงแรมที่เกิดขึ้น 9 เดือนแรกของปี ส่วนใหญ่ซื้อโดยนักลงทุนไทย คิดเป็น 69.5% นอกจากนี้ มีการซื้อขายรายการใหญ่ ๆ หลายรายการ ซึ่งเป็นโรงแรมที่มีศักยภาพในการเพิ่มมูลค่าในอนาคต โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ

ในไทย ธุรกรรมการซื้อขายโรงแรมที่ตั้งอยู่บนที่ดินเช่าเกิดขึ้นราว 127 ล้านดอลลาร์ (4,100 ล้านบาท) ปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นในกรุงเทพฯ ซึ่งที่ดินมีราคาสูง ทำให้นักลงทุนสนใจทางเลือกในการซื้อโรงแรมบนที่ดินเช่าแทน

สำหรับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เจแอลแอลปรับประมาณการมูลค่าการลงทุนซื้อขายโรงแรมที่คาดว่าจะเกิดขึ้นรวมทั้งหมดสำหรับปี 2568 ลงเหลือ 11,900 ล้านดอลลาร์ สะท้อนผลกระทบจากกระบวนการทำธุรกรรมซื้อขายที่ใช้เวลายาวนานขึ้น และกระบวนการที่ละเอียดถี่ถ้วนมากขึ้นสำหรับการตรวจสอบวิเคราะห์สถานะการลงทุน ในสภาวการณ์ที่ความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ ทั้งนี้ คาดว่าการลงทุนซื้อขายโรงแรมในภูมิภาคส่วนใหญ่จะยังคงเกิดขี้นใน 5 ตลาดหลัก ได้แก่ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย จีน สิงคโปร์ และเกาหลีใต้

Related Posts

Send this to a friend