บอร์ดบีโอไอ ไฟเขียวระบบ FastPass นำร่อง 7 หน่วยงาน ลดเวลา 20-50% พร้อมเร่งแก้ปัญหาไฟฟ้า–ที่ดิน–วีซ่า
นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ดบีโอไอ) มีมติเห็นชอบแผนการดำเนินงานภายใต้มาตรการเร่งรัดการลงทุนและแก้ไขปัญหาด้านการลงทุน ประกอบด้วย
1) การขับเคลื่อนระบบ FastPass อำนวยความสะดวก และเร่งรัดโครงการลงทุนสำคัญ
ทั้งนี้ บอร์ดบีโอไอเห็นชอบการขับเคลื่อนระบบ FastPass ในระยะแรก เร่งรัดการพิจารณาอนุมัติ/อนุญาต ที่สำคัญจาก 7 หน่วยงาน ได้แก่ บีโอไอ กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) และกรมการจัดหางาน และสำนักงาน EEC คาดว่าจะลดเวลารพิจารณาร้อยละ 20-50
บอร์ดบีโอไอ ยังแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเร่งรัดการลงทุน (FastPass) โดยมีเลขาธิการบีโอไอเป็นประธาน และมีผู้แทนจากสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (สำนักงาน กพร.) กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) กรอ. กนอ. สผ. และสำนักงาน EEC
2) ความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาและอุปสรรค เรื่องไฟฟ้า การจัดหาพื้นที่สำหรับการลงทุน วีซ่าและใบอนุญาตทำงาน
ด้านไฟฟ้า กกพ. ประชุมร่วมกับสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และบีโอไอ สรุปผลการประชุม 2 เรื่องสำคัญ คือ
การจัดหาไฟฟ้าสำหรับกิจการ Data Center ที่ต้องการใช้ไฟฟ้าปริมาณสูง ให้ กกพ. เร่งจัดทำกลไกการวางหลักประกันการใช้โครงข่ายระบบไฟฟ้าให้ผู้ประกอบการรับประกันความต้องการใช้ไฟฟ้าของตนเอง เพื่อให้การไฟฟ้าวางแผนลงทุนขยายโครงข่ายระบบส่งไฟฟ้าให้รองรับ และออกหนังสือแจ้งความสามารถการจ่ายไฟเพื่อให้ผู้ประกอบการเริ่มโครงการได้
เรื่องกลไกพลังงานสะอาด กกพ. อยู่ระหว่างจัดทำหลักเกณฑ์เพื่อให้บริการไฟฟ้าสีเขียว (UGT2) และโครงการซื้อขายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบการทำสัญญาซื้อขายพลังงานไฟฟ้าได้โดยตรง (Direct PPA) คาดว่าการกำหนดหลักเกณฑ์และค่าธรรมเนียมจะแล้วเสร็จในปี 2568
ด้านการจัดหาพื้นที่สำหรับการลงทุน ที่ประชุมมอบกรมโยธาธิการและผังเมือง ประสานสำนักงาน EEC และ กนอ. ทบทวนการวางผังและปรับปรุงผังเมืองรวมและผังชุมชน กำหนดแนวทางการเพิ่มพื้นที่สำหรับการพัฒนานิคมอุตสาหกรรม รองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมในอนาคต พร้อมเร่งรัดกระบวนการอนุมัติ EIA สำหรับโครงการพัฒนาพื้นที่อุตสาหกรรม และเร่งแก้ปัญหาโครงการที่อยู่ระหว่างการพิจารณาอนุญาตเปลี่ยนแปลงสภาพทางและลำรางสาธารณะโดยเร็ว
ด้านวีซ่าและใบอนุญาตทำงาน มีมติให้เร่งรัดการออก e-Visa สำหรับผู้ที่ได้รับอนุมัติจากบีโอไอ ในขั้นตอนการพิจารณาของสถานทูต ณ ประเทศต้นทาง ให้แล้วเสร็จภายใน 1–5 วันทำการ และให้เพิ่มบุคลากรที่ศูนย์บริการวีซ่าและใบอนุญาตทำงาน (OSS) รวมทั้งขอให้กรมการจัดหางานเร่งแก้ปัญหาระบบ e-Work Permit
3) การติดตามโครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่ได้รับอนุมัติในช่วงปี 2566-2567 จำนวน 74 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 3 แสนล้านบาท
บอร์ดบีโอไอ รับทราบความคืบหน้า โดยมีโครงการที่เริ่มลงทุนแล้ว 32 โครงการ (160,000 ล้านบาท) และโครงการที่จะเริ่มลงทุนปลายปี 2568 ถึงปี 2569 อีก 28 โครงการ (82,500 ล้านบาท) ส่วนอีก 14 โครงการ มีมูลค่าเงินลงทุนประมาณ 61,000 ล้านบาท เป็นโครงการที่ชะลอ หรือปรับเปลี่ยนแผนการลงทุน
สำหรับแนวโน้มการลงทุนด้านเทคโนโลยี AI บอร์ดบีโอไอเห็นชอบปรับปรุงเงื่อนไขการส่งเสริมการลงทุนกิจการ Data Center โดยกำหนดเงื่อนไขเพิ่มเติมว่าการจ้างงานในตำแหน่งผู้บริหารและผู้เชี่ยวชาญ จะต้องมีบุคลากรไทยไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ภายในเวลา 3 ปี เห็นควรปรับสิทธิประโยชน์ให้การลงทุนในพื้นที่ EEC ได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 3-5 ปี และนอกพื้นที่ EEC ได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 5-8 ปี












