ปฏิบัติการที่ ‘เคเคปาร์ค’ ถึง ‘กัวลาลัมเปอร์’ โลกกำลังล้อมไทยในการปราบปรามสแกมเมอร์ จับตาท่าทีผู้นำโลกในเวทีอาเซียน
ปฏิบัติการทลายรังสแกมเมอร์ที่ ‘เคเคปาร์ค’ เมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา ช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ส่งผลให้ชาวต่างชาติที่ทำงานอยู่ในเคเคปาร์ค ซึ่งเป็นเมืองสแกมเมอร์แห่งใหญ่ ไม่ต่ำกว่า 1,000 คน ทะลักข้ามแม่น้ำเมยเข้ามาประเทศไทย ซึ่งมีมากกว่า 21 ชาติ รวมถึงคนไทย
ไม่ว่าปฏิบัติการนี้กองทัพเมียนมาจะสร้างภาพจัดฉากโชว์รัฐบาลจีน ที่กดดันให้กองทัพเมียนมาเข้ามากวาดล้างเครือข่ายสแกมเมอร์ในเคเคปาร์ค แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่านี่เป็นยาแรง ที่ BGF ถึงขั้นต้องวางระเบิดเผาบ้านตัวเอง หรืออาจจะทำลายหลักฐาน ก่อนทางการจีนส่งคนพร้อมรัฐบาลเมียนมา เข้าไปตรวจสอบใน ‘เคเคปาร์ค’ ซึ่งน่าสนใจในการขยับตัวในจีนในการปราบปรามสแกมเมอร์อีกครั้ง หลังต้นปีที่ผ่านมา จีนส่ง ‘หลิว จงอี้’ มือปราบคนสำคัญมาจัดการแก๊งนี้ถึง อ. แม่สอด จ. ตาก ของไทย
จากปฏิบัติการที่ ‘เคเคปาร์ค’ ถึง ‘กัวลาลัมเปอร์’
การประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 47 ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ความน่าสนใจหนึ่งคือเวทีการประชุมผู้นำอาเซียนที่จะมีขึ้นระหว่าง 26-28 ต.ค. นี้ หัวข้อหนึ่งที่อาเซียนจะหยิบยกมาเป็นถ้อยแถลงของผู้นำอาเซียน คือความร่วมมือในการปราบปรามอาชญากรรมไซเบอร์ ที่หลายประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กำลังถูกสอบสวนว่าเป็นแหล่งฟอกเงิน และเป็นศูนย์หลอกลวงออนไลน์ ‘สแกมเมอร์’ ที่กำลังเป็นภัยคุกคามของโลก
‘จีน’ ในฐานะประเทศที่ถูกกล่าวหาว่าคนของจีน ประชาชนของจีน ที่เรียกกันว่า ‘จีนเทา’ เป็นตัวการหลักในการขยายเครือข่ายสแกมเมอร์ ด้วยการสร้างฐานศูนย์หลอกลวงจากเครือข่ายคาสิโนออนไลน์ ในประเทศภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งในกัมพูชา เมียนมา และลาว
แน่นอนว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมา รัฐบาลจีน ไม่ได้นิ่งเฉยต่อการปราบปรามอาชญากรรมร้ายแรงนี้ เพราะทำลายชื่อเสียงและภาพลักษณ์ของจีน ในขณะที่กลุ่มจีนเทา ก็มาหลอกคนจีนด้วยกันเอง จีนจึงได้ปฏิบัติการกวาดล้างอย่างหนัก อย่างที่ปรากฏในการกวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สแกมเมอร์ ในเมืองเล่าก์ก่าย รัฐฉานของเมียนมา ในช่วงปลายปี 2567 และการกวาดล้างเครือข่ายสแกมเมอร์ในเมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา ที่มาสร้างเมืองสแกมเมอร์ฐานใหญ่ในเมือง ‘ชเวก๊กโก่-เคเคปาร์ค-บ้านช่องแคบ’ ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา
หลักฐานเชิงประจักษ์หาได้จากประเทศไทย เพราะไทยคือทางผ่านที่นำพาชาวต่างชาติจากทั่วโลก ไม่ต่ำกว่า 41 ชาติ ให้กลุ่มจีนเทา นำชาวต่างชาติที่มาไกลจากทวีปแอฟริกา จากประเทศที่เราอาจไม่เคยได้ยินชื่อ เช่น กานา, บุรุนดี, เซียร์ราลีโอน, รวันดา, ซูดาน, ยูกันดา มาทำงานเป็นสแกมเมอร์ในเมืองเมียวดี ด้วยการเดินทางผ่านประเทศไทย
ต้นเดือน ก.พ. 2568 เราเห็นภาพชาวต่างชาติกว่า 230 คน ลงแพข้ามฟากจากบ้านช่องแคบ ตรงข้าม อ. พบพระ จ. ตาก ในพื้นที่ของกองกำลัง DKBA แม้จะเป็นปฏิบัติการที่ DKBA เข้าช่วยเหลือชาวต่างชาติออกจากบริษัทสแกมเมอร์ที่มาเช่าพื้นที่ในบ้านช่องแคบ เปิดศูนย์หลอกลวง ริมชายแดนของไทย ซึ่งเป็นภาพที่น่าตกใจ เพราะชาวต่างชาติที่มาไกลจากแอฟริกา เดินทางมาถึงที่นี่ได้อย่างไร และน่าเสียดายที่หลังจากปฏิบัติการครั้งนั้น
‘ประเทศไทย’ ซึ่งแท้จริงแล้วน่าจะเป็นเหยื่อจากเครือข่ายสแกมเมอร์ เพราะมาใช้ไทยเป็นฐานในการขนส่งคนต่างชาติ นำพาคนต่างชาติไปเป็นสแกมเมอร์ และค้ามนุษย์ ปล่อยคนเหล่านี้ออกจากไทยไป โดยไม่มีการสืบสวนสอบสวน เพื่อขยายผลจับกุมตัวการใหญ่ ที่อย่างน้อยก็กลุ่มขบวนการนำพา ซึ่งทำไม่ได้หากไม่มีคนไทยอยู่เบื้องหลัง แต่ไทยไม่ทำ !!
นอกจากนี้เรายังเห็นปฏิบัติการใหญ่ของกองกำลัง ‘BGF’ นำโดย หม่องชิตตู่ เปิดบ้านทั้ง ‘ชเวก๊กโก่-เคเคปาร์ค’ กวาดล้างสแกมเมอร์ มีการช่วยเหลือชาวต่างชาติ รวมถึงการกวาดล้างคนจีนเกือบ 10,000 คน ในช่วงเวลา 2 เดือน จีนที่ขณะนั้นส่ง นายหวังอี้ ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงฯ ลงพื้นที่ประเทศไทยและเมียนมา มาบัญชาการนำตัวคนจีนกว่า 5,000 คน กลับไปจีน โดยนำเครื่องบินเช่าเหมาลำมารับถึงสนามบินแม่สอด แต่ทั้งหมดก็กลับไปจีน โดยที่ไทยก็ไม่เคยรู้เลยว่า แล้วใครเป็นตัวการใหญ่ของเครือข่ายสแกมเมอร์ ที่เอาคนทั้งโลกมารวมกันได้ที่เมืองเมียวดี
ผ่านมา 9 เดือน จากต้นเดือน ก.พ. 68 ที่จีนเข้าไปกวาดล้างแก๊งสแกมเมอร์ในเมืองเมียวดี มาวันนี้เราเห็นภาพชัดว่า มันไม่เคยหายไปไหน !!
ตั้งแต่ 22 ต.ค. ที่ผ่านมา จีนร่วมมือกับกองทัพเมียนมา กดดันกองกำลัง BGF เข้าไปทลายรังสแกมเมอร์ในเมืองเคเคปาร์ค ซึ่งอยู่ในพื้นที่อิทธิพลของ BGF และบัญชาการโดยหนึ่งผู้นำทหารของ BGF เรายังเห็นภาพชาวต่างชาติไม่ต่ำกว่า 21 ชาติ หนีตายทะลักเข้ามาในไทย จนถึงวันนี้มีตัวเลขจากศูนย์สั่งการชายแดน จ. ตาก ไม่ต่ำกว่า 795 คนแล้ว
และวันนี้ 24 ต.ค. 68 มีรายงานว่าทางการจีนและเมียนมา จะเข้าไปตรวจสอบในเคเคปาร์ค เราจึงเห็นปฏิบัติการเล่นใหญ่ ระเบิดอาคารทำลายรังสแกมเมอร์ของ BGF เมื่อคืน 23 ต.ค. มีระเบิดถึง 3 ลูกกลางเมืองเคเคปาร์ค
ท่าทีของจีนที่เข้าไปกวาดล้างรังสแกมเมอร์ในเคเคปาร์ค เป็นการส่งสัญญาณอีกครั้งว่าจีนเอาจริงกับการปราบปรามอาชญากรรมสแกมเมอร์ ซึ่งอาจจะเป็นการแสดงท่าทีก่อนจะมีการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 47 ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ซึ่งนายกรัฐมนตรีจีน เดินทางมาร่วมประชุม และอาเซียน ก็จะมีปฏิญญาร่วมกันในการร่วมมือปราบปรามสแกมเมอร์ด้วย
ในขณะที่ท่าทีของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ชัดเจนต่อการปราบปรามอาชญากรรมสแกมเมอร์ เห็นได้จากกระทรวงยุติธรรมสหรัฐอเมริกา ยื่นฟ้อง นายเฉิน จื้อ ที่เข้าไปเปิดบริษัทข้ามชาติในกัมพูชาเป็นแหล่งฟอกเงินจากสแกมเมอร์ และทำการริบทรัพย์เงินคริปโตกว่า 5 แสนล้านบาท รวมถึงการเสนอออกกฎหมายในการปราบปรามเครือข่ายสแกมเมอร์ พร้อมบัญชีดำ 43 บริษัทและกลุ่มคนที่เชื่อว่าเป็นอาชญากรสแกมเมอร์ ซึ่งในจำนวนนั้น มีชื่อของ นายยิม เลียก และ เบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ ที่เป็นที่มาของการเชื่อมโยงกับนักธุรกิจและนักการเมืองไทยว่ามีส่วนสนับสนุนการฟอกเงินเครือข่ายสแกมเมอร์นี้หรือไม่
รวมไปถึงรัฐบาลเกาหลีใต้ ในการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งนี้ ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ก็มาร่วมประชุม หลังจากประกาศปราบปรามอาชญากรรมสแกมเมอร์ในกัมพูชา ส่งผู้ช่วยรัฐมนตรีไปรับคนเกาหลีใต้กลับประเทศ และกำลังทำการสืบสวนสอบสวนครั้งใหญ่
นี่คือปฏิบัติการกวาดล้าง ‘อาชญากรรมไซเบอร์-สแกมเมอร์’ ที่เรากำลังจะเห็นบทบาทประเทศอำนาจ กำลังประกาศสงครามกับสแกมเมอร์ รวมไปถึงประเทศญี่ปุ่น ที่ไม่ได้นิ่งเฉยเรื่องนี้ อย่างเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ญี่ปุ่นส่งทูตไปติดตามการช่วยเหลือชาวญี่ปุ่นออกจากแก๊งสแกมเมอร์ในเมียวดี และการจับกุมเครือข่ายยากูซ่า ที่กลายมาเป็นขบวนการหนึ่งในแก๊งสแกมเมอร์ของจีนเทา !!
ปฏิบัติการของสหรัฐอเมริกา เกาหลีใต้ และจีน ที่กำลังเข้าไปจัดการปราบปรามแก๊งสแกมเมอร์ พื้นที่โดยรอบประเทศไทย จึงเป็นสิ่งที่รัฐบาลไทย จะนิ่งเฉยไม่ได้แล้ว หากไม่ประกาศสงครามกับสแกมเมอร์อย่างจริงจัง เพราะโลกกำลังจะล้อมไทย ที่อาจกลายเป็นศูนย์รวมศูนย์หลอกลวงสแกมเมอร์เสียเอง !!!
รายงาน: ฐปณีย์ เอียดศรีไชย












