กต.จ่อชงข้อเสนอเอกชนไทยในกัมพูชา เข้า ครม.เศรษฐกิจ หลังธุรกิจเล็กใหญ่กระทบหมด
กต.จ่อชงข้อเสนอเอกชนไทยในกัมพูชา เข้า ครม.เศรษฐกิจ หลังธุรกิจเล็กใหญ่กระทบหมด ยันไม่มีข้อเสนอเปิดด่าน ชี้ปัญหาระหว่างรัฐต่อรัฐ ไม่ควรทำ ปชช.เดือนร้อน
วันนี้ (10 ต.ค. 68) นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวภายหลัง นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หารือกับผู้แทนภาคเอกชนไทยในกัมพูชา ณ วิเทศสโมสร กระทรวงการต่างประเทศ
นายนิกรเดช ระบุว่า การพบปะดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อรับฟังปัญหาและอุปสรรคของเอกชนไทยในกัมพูชาที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งจะได้นำข้อมูลดังกล่าวไปใช้กำหนดนโยบายเพื่อหาทางแก้ไขเยียวยา ลดผลกระทบและเสริมสร้างขีดความสามารถให้กับภาคเอกชนไทยในกัมพูชา
การหารือครั้งนี้มีผู้แทน ทั้งภาครัฐ อาทิ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กรมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงการคลัง กรมศุลกากร รวมถึง Exim Bank และผู้แทนภาคเอกชนหลายกลุ่มธุรกิจ ทั้งภาคการเงินการธนาคาร การเกษตร ปศุสัตว์ พลังงานการก่อสร้าง การค้าปลีกค้าส่ง สายการบิน ภาคบริการ ภาคบันเทิง ภาคการท่องเที่ยว โลจิสติกส์ โรงพยาบาลตลอดจนสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สมาคมธุรกิจไทย-กัมพูชา สมาคมธุรกิจไทยในกัมพูชา และหอการค้าประจำจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวม 90 คน ซึ่งเป็นการหารือครอบคลุมผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมด และเป็นโอกาสสำคัญที่นายสีหศักดิ์ จะได้รับฟังและเห็นภาพที่เกิดขึ้นจริงด้วยตนเอง
อย่างไรก็ตามก่อนเกิดสถานการณ์ความตึงเครียด การค้าไทยเป็นคู่ค้าอันดับที่ 4 ของกัมพูชา ในปี 2567 มีมูลค่า 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และสองประเทศได้ตั้งเป้าจะให้ยอดการค้าสูงขึ้นเป็น 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2570 โดยการค้าชายแดนมีอัตราส่วนสูงถึง 50% ของมูลค่าการค้ารวม ปัจจุบันมูลค่าการค้าลดลงเป็นอย่างมาก เมื่อเดือนสิงหาคม 2568 มีตัวเลขเพียง 10 ล้านบาท ขณะที่สินค้าอุปโภค-บริโภค ธุรกิจบันเทิงทยอยสูญเสียส่วนแบ่งทางการตลาดอย่างต่อเนื่อง
ในด้านการลงทุน ไทยเป็นผู้ลงทุนอันดับ 9 มีมูลค่า 1,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนการท่องเที่ยวในปี 2567 นักท่องเที่ยวในกัมพูชาเดินทางมาที่ไทยจำนวน 550,000 คน ในขณะที่นักท่องเที่ยวไทยเดินทางไปกัมพูชาประมาณ 2 ล้านคน ถือเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติอันดับ 1 ของกัมพูชา
สำหรับสาระสำคัญในการประชุมวันนี้ มีการแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นในส่วนที่เกี่ยวข้องกับผลกระทบด้านการค้า การส่งออก และธุรกิจอื่น ๆ รวมถึงแนวทางการปรับตัวของภาคธุรกิจไทยในกัมพูชาในห้วงที่ผ่านมา นายสีหศักดิ์ ได้ขอบคุณภาคเอกชนไทยที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยและส่งเสริมความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างทั้งสองประเทศ แต่ด้วยสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชามีผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในมิติอื่น ๆ โดยเฉพาะมิติเศรษฐกิจและความสัมพันธ์ประชาชน การค้าชายแดนชะลอตัวอย่างเห็นได้ชัด มาตรการต่าง ๆ ของฝ่ายกัมพูชา เช่น การห้ามนำเข้าน้ำมัน ห้ามนำเข้าผักและผลไม้จากไทย ห้ามฉายภาพยนตร์และละครไทย ส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจหลายกลุ่ม และกระแสต่อต้านสินค้าไทยในกัมพูชาก็รุนแรงขึ้นจากผู้บริหารระดับสูงของกัมพูชา
ทั้งหมดส่งผลให้เกิดการขยายตัวของความขัดแย้งที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนและภาคธุรกิจของทั้งสองฝ่าย ไทยย้ำมาโดยตลอดว่าปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้น เป็นปัญหาระหว่างรัฐไม่ควรทำให้เป็นปัญหาที่ประชาชนจะต้องเดือดร้อน ซึ่งการดำเนินการของฝ่ายไทยที่ผ่านมาเป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะจุด ไม่ได้มีเป้าโจมตีประชาชนแต่อย่างใด แต่ฝ่ายกัมพูชายังคงดำเนินมาตรฐานต่าง ๆ โดยการตั้งใจและจงใจให้ประชาชนได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อม
นายสีหศักดิ์ ได้รับฟังประเด็นที่ภาคเอกชนต้องการได้รับการสนับสนุน รวมถึงมีการแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์จากผู้แทนหอการค้า 7 จังหวัดชายแดน เพื่อแก้ปัญหาทั้งในระยะเร่งด่วน ระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ซึ่งรัฐบาลจะนำข้อเสนอเหล่านี้ไปพิจารณากำหนดมาตรการสนับสนุนเยียวยาที่เหมาะสมต่อไป ซึ่งจะนำเข้าที่ประชุม ครม.เศรษฐกิจที่มีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน อย่างเร็วที่สุดภายในสัปดาห์ หรือภายในเดือนนี้
การดำเนินการในขั้นต่อไป สิ่งสำคัญที่สุดคือการทำงานร่วมกันอย่างมีเอกภาพของหน่วยงานไทยทั้งในประเทศและต่างประเทศ ภายใต้แนวคิดธีมไทยแลนด์ เพื่อการแก้ไขปัญหาอย่างรอบด้านยั่งยืน กระทรวงการต่างประเทศจะประสานและหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด เพื่อร่วมหาทางออกที่เป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่าย การดำเนินการแก้ปัญหาของภาคเอกชนไทยสอดคล้องกับนโยบายที่เราได้แถลงต่อรัฐสภาคือ การทูตเศรษฐกิจเชิงรุก ที่กระทรวงการต่างประเทศมุ่งขับเคลื่อน เพื่อสร้างขีดความสามารถและสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจให้ภาคธุรกิจไทย ทั้งด้านการค้า การลงทุน การขยายตลาดใหม่ไปยังภูมิภาคที่มีศักยภาพ เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs และสตาร์ทอัปให้สามารถปรับตัวท่ามกลางความผันผวนทางภูมิประเทศ และเท่าทันต่อการค้าระหว่างประเทศที่ให้ส่งผลกระทบจากธุรกิจได้
“ขอยืนยันว่าประเทศไทยมุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหาความขัดแย้งกับกัมพูชาโดยสันติวิธี ไทยเลือกเดินบนเส้นทางแห่งสันติภาพและความร่วมมือ เราหวังว่ากัมพูชาจะเริ่มเดินบนเส้นทางเดียวกับไทยเพื่อความสงบสุขและความเป็นอยู่ที่ดีของพี่น้องประชาชน” นายนิกรเดช กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าผู้ประกอบการภาคเอกชนได้มีการสะท้อนปัญหาอะไรเป็นปัญหาหลัก นายนิกรเดช ระบุว่า มีหลายข้อเสนอ มาตรการที่อยากให้ภาครัฐพิจารณา มีตั้งแต่มาตรการภาษี มาตรฐานทางการเงิน วงเงินสินเชื่อ และการช่วยเหลือด้านค่าไฟ กระทรวงการต่างประเทศโฟกัสไปที่เศรษฐกิจระหว่างประเทศ โดยจะมีการรวบรวมข้อเสนอเหล่านี้เสนอต่อ ครม.เศรษฐกิจ เพื่อคลอดออกมาเป็นนโยบายที่ช่วยเหลือภาคเอกชนตามข้อเรียกร้อง
ทั้งนี้ในที่ประชุมมีการพูดถึงผลกระทบหลายเรื่อง ทั้งการค้าชายแดนที่ปิดตัวลง สิ่งที่ทุกภาคส่วนได้รับผลกระทบกันหมดคือ การรณรงค์ไม่ให้บริโภคสินค้าไทย เช่น ธุรกิจพลังงานลุกลามไปถึงธุรกิจอาหาร โรงแรม ภาคบริการ ร้านค้าสะดวกซื้อ ไม่ว่าจะเล็กใหญ่โดนกันหมด ซึ่งเป็นสิ่งที่เราไม่อยากให้เกิด เพราะเป็นเรื่องระหว่างรัฐต่อรัฐ แต่ว่าขณะนี้มีความรู้สึกที่ต้องการบอยคอตสินึ้าและบริการไทย ในภาพรวมจะต้องคอยดูต่อไปว่าจะแก้ไขอย่างไร
เมื่อถามว่าภาคเอกชนได้รับผลกระทบจากการปิดชายแดนมากน้อยแค่ไหน รวมถึงภาคเอกชนมีแผนปรับตัวอย่างไร นายนิกรเดช กล่าวว่า ในที่ประชุมไม่ได้มีการพูดถึงตัวเลขหรือสถิติ แต่เรามีตัวเลขผลกระทบจากการค้าชายแดน ทราบว่ามูลค่าการค้าชายแดน คิดเป็น 50% ของมูลค่าการค้ารวม โดยมาตรการของภาคเอกชน ขณะนี้มีมาตรการชั่วคราวคือไม่ขนส่งสินค้าทางบกไปใช้ทางเรือหรือทางอากาศแทน ซึ่งไม่ใช่มาตรการถาวร ทุกฝ่ายยังรอดูว่าการที่เราเริ่มเข้าสู่กระบวนการเจรจาทวิภาคีผ่านกลไกต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น GBC JBC และ RBC ข้อตกลงหยุดยิงจะนำไปสู่สันติภาพถาวรได้หรือไม่
นายนิกรเดช ย้ำว่าเรายังมีความเชื่อมั่นในการเจรจาทวิภาคีว่าจะนำไปสู่ข้อยุติได้ไม่ว่าจะช้าหรือเร็ว เราบอกเงื่อนไขไปแล้วว่ามีกี่อย่าง เป็นข้อพิสูจน์ว่าประเทศเพื่อนบ้านจะมีความจริงใจในการเจรจาหรือไม่ เมื่อมีความชัดเจนส่วนนี้สถานการณ์น่าจะค่อย ๆ เยียวยาได้ระดับหนึ่ง
เมื่อถามว่าภาคเอกชนได้มีการเสนอข้อตกลงในการเปิดด่านหรือไม่ นายนิกรเดช กล่าวว่าภาคเอกชนไม่ได้ขอให้มีการเปิดด่าน แต่มีคำถามว่าด่านจะกลับมาเปิดได้อีกเมื่อไร ภาคเอกชนทราบดีว่าเหตุใดด่านถึงปิด ไม่ใช่เหตุผลด้านการค้า แต่เป็นเหตุผลด้านความปลอดภัยตามแนวชายแดน ภาคเอกชนแสดงความเข้าอกเข้าใจถามว่าด่านจะกลับมาเปิดได้อีกเมื่อไร เราอธิบายไปว่า เรายังเชื่อมั่นการเจรจาจะนำมาสู่ข้อตกลงบางอย่าง












