‘สีหศักดิ์‘ ประชุมทูตนานาชาติ แจ้ง ‘ไทย’ ต้องการแก้ปัญหาทวิภาคี
‘สีหศักดิ์‘ ประชุมทูตนานาชาติครั้งแรกหลังรับตำแหน่ง พร้อมทำงาน 4 เดือนให้มีความหมาย เล่าเหตุพบเลขา UN-ประธานออตตาวา แจ้ง ‘ไทย’ ต้องการแก้ปัญหาทวิภาคี ยันไม่คิดทวงบุญคุณ ช่วย ’กัมพูชา‘ เจรจาสันติภาพ
วันนี้ (1 ต.ค. 68) นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ บรรยายสรุปแก่คณะทูตานุทูต เกี่ยวกับผลการเข้าร่วมการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ UNGA ครั้งที่ 80 และสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ห้องนราธิป กระทรวงการต่างประเทศ
นายสีหศักดิ์ กล่าวในที่ประชุมช่วงต้น โดยระบุว่า เนื้อหาที่จะกล่าวในวันนี้ เป็นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับกัมพูชาเป็นอย่างไร รัฐบาลจะยุบสภาภายใน 4 เดือน และหลังจากนั้นจะมีการเลือกตั้ง จึงต้องทำให้ 4 เดือนของรัฐบาลนี้มีความหมายที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เรามีเวลา 4 เดือนกับปัญหาเร่งด่วนในทุก ๆ วัน และพยายามแก้ปัญหาระหว่างชายแดนไทย-กัมพูชา รวมถึงเมียนมาด้วย ซึ่งประเทศไทยควรต้องดำเนินการมากกว่านี้
นายสีหศักดิ์ ยังได้เน้นย้ำนโยบายของรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล มีรายละเอียดด้านเศรษฐกิจการค้าและการลงทุน พร้อมกันนี้จะมีการเสริมสร้างกรอบความร่วมมือ ทั้งในระดับอาเซียน โดยปลายปีนี้ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพในการจัดประชุมตามกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง (MLC) ซึ่งมีเป้าหมายว่าอาเซียนจะมีความแข็งแรงมากยิ่งขึ้น
ภายหลังการประชุม นายสีหศักดิ์ เปิดเผยว่าวันนี้เป็นวันแรกที่มารับหน้าที่อย่างเป็นทางการ หลังจากที่มีการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาเมื่อวานนี้ ในเวลา 4 เดือนจะใช้ทุกวันให้เป็นประโยชน์ จึงเชิญคณะทูตมาพูดคุยว่าภายใต้ในช่วงที่ตนเองเป็นรัฐมนตรีการต่างประเทศจะดำเนินการอย่างไร เราอยากจะเห็นการทูตที่นำประเทศไทยกลับสู่จอเรดาร์ การทูตที่ครอบคลุมหลายมิติ ทั้งด้านการเมือง ความมั่นคง เศรษฐกิจ และการทูตที่ไปหลายทิศทาง ผลประโยชน์อยู่ตรงไหนเราต้องไป ไม่ใช่เฉพาะเรื่องใกล้ตัว
นอกจากนี้ยังมีการเล่าให้ที่ประชุมฟังถึงกรณีเยือนนครนิวยอร์ก เพื่อเข้าร่วมประชุม UNGA ครั้งที่ 80 ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญ เราไปเพื่อให้เห็นว่าไทยมีแนวคิดและอยากจะมีบทบาทที่มีความหมายในเวทีระหว่างประเทศ เรามีจุดยืนเรื่องสำคัญอย่างไร ในถ้อยแถลงของตนก็พูดถึงวิกฤตยูเครน กาซา เราก็มีจุดยืน เราพูดถึงความเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศและประเด็นที่เกี่ยวกับการค้ามนุษย์ ความมั่นคงของมนุษย์ สิทธิเด็ก สิทธิสตรี และสิทธิมนุษยชน
ตนเองได้เจอกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของประเทศต่าง ๆ หลายประเทศ เช่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของญี่ปุ่น ในฐานะประธานอนุสัญญาออตตาวา ได้เรียนให้เขาทราบถึงปัญหาที่เกิดขึ้น ที่ทหารไทยเหยียบกับระเบิด ไทยก็ทำเรื่องร้องเรียนไปท่านรับทราบ เนื่องจากจะมีการประชุมใหญ่ในเดือน ธ.ค.นี้ เราคิดว่าทางออกที่ดีที่สุดและสร้างสรรค์ที่สุด คือเราเร่งในเรื่องที่ตกลงกันในที่ประชุม GBC ในเรื่องการเก็บกู้ระเบิดร่วมกัน
นอกจากนี้ตนยังได้พบกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย ซึ่งจะเป็นประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ซึ่งรัสเซียมีความกระตือรือร้นอยากจะมีความสัมพันธ์กับไทย เพียงแต่เราไม่ได้พูดคุยลงรายละเอียดเรื่องไทยและกัมพูชา แต่ให้เขาทราบว่าเรากำลังแก้ไขปัญหาดังกล่าวในระดับทวิภาคี มีความคืบหน้าและอยากจะให้มีการเดินหน้าต่อไป เราไม่คิดว่าการนำเอาปัญหาสถานการณ์ปัจจุบันของไทย กัมพูชาไปสู่เวทีระหว่างประเทศ จะเป็นการช่วยแก้ปัญหา ผมได้เจอกับเลขาธิการสหประชาชาติ ได้สรุปให้ทราบถึงความคืบหน้าล่าสุดและความสัมพันธ์ระหว่างไทย กัมพูชา ผมยืนยันว่าไทยต้องการอยู่อย่างสันติกับประเทศเพื่อนบ้านทุกประเทศ เราต้องการให้ประเทศเพื่อนบ้านก้าวหน้า ซึ่งความก้าวหน้าของเขาจะเป็นผลประโยชน์ต่อประเทศไทยด้วย
ตนเองได้เล่าให้เลขาธิการสหประชาชาติ ฟังว่าเรากำลังเจรจากันอย่างไรมีการพูดถึงสถานการณ์ในเมียนมา รวมถึงเรื่องผู้ลี้ภัย ให้สามารถทำงานได้ ก็ถือเป็นความก้าวหน้าแสดงว่าประเทศไทยให้ความสำคัญกับการดูแลผู้ลี้ภัย และการเคารพสิทธิมนุษยชนของผู้ลี้ภัยที่มาอยู่ในไทย เรื่ององสำคัญคือถ้อยแถลงของตนเองในที่ประชุม UNGA ครั้งที่ 80 ที่เกี่ยวกับไทย-กัมพูชา ตนเองอยากให้เห็นว่าไทยไม่ได้เป็นศัตรูกับใคร และเราไม่ควรจะเป็นศัตรูกัน เราพร้อมที่จะคุยเจรจาแก้ไขด้วยสันติวิธี แต่ต้องมีพื้นที่สำหรับการพูดคุยมีความจริงใจระหว่างกัน แต่พื้นที่นี้ยังไม่เปิด แน่นอนว่าเราต้องรักษาอธิปไตยของเรา ความปรารถนาของไทยคืออยากให้มีการพูดคุย ค่อยๆ หาทางเดินหน้าในความสัมพันธ์อย่างไร เรามีการประชุม GBC มีหลายประเด็นที่ได้มีการตกลง จึงจะต้องมีการเดินหน้า
โดยในที่ประชุมมีการเจอกับ นายปรัก สุคน รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศกัมพูชา เราได้พูดกันว่าเราเป็นนักการทูต ต้องมีการพูดคุย ไม่ได้เป็นอุปสรรค เราต้องทำความเข้าใจ ตรงไหนที่ทำความเข้าใจได้ก็ดี ขณะที่สหรัฐอเมริกาจัดประชุม 4 ฝ่ายก็เป็นเจตนารมณ์ต้องขอบคุณสหรัฐฯ ที่จัดประชุมดังกล่าว แต่มีเวลาน้อย ตนเองก็ยืนยันว่าอยากให้การประชุมสะท้อนถึงความพยายามที่ไทยพูดคุยเดินหน้าทำให้บรรยากาศของความสัมพันธ์ดีขึ้น
ปรากฏว่าวันรุ่งขึ้นก็มีการกล่าวหาประเทศไทย ก่อน ที่ไม่สะท้อนความเป็นจริงและไม่สะท้อนในสิ่งที่เคยพูดคุยกันไว้ ตนเองจึงต้องมีการปรับถ้อยแถลงเพื่อให้เห็นว่าประเทศไทยมีเจตนาอย่างไร ที่ผ่านมา เราช่วยกัมพูชามาโดยตลอด ไม่ได้เป็นการทวงบุญคุณ ช่วงที่เขาเจอปัญหาภายใน เราก็รับผู้ลี้ภัยตามแนวชายแดนเป็นกี่แสนคน ในช่วงที่ผมเจ้ากระทรวง ก็เห็นเหตุการณ์ด้วยตนเอง เราช่วยเจรจาสันติภาพระหว่างกัมพูชาฝ่ายต่าง ๆ พยายามช่วยเขาฟื้นฟูประเทศ โดยเฉพาะการประชุมที่พัทยา ที่นำไปสู่การประชุมที่กรุงปารีส
“เรามีความปรารถนาที่ดี เหตุการณ์ปัจจุบันไม่ใช่สิ่งที่ไทยปรารถนา ดังนั้น จึงต้องมีการทำงานร่วมกันต้องหาจุดที่หาความคืบหน้า ว่าจะกลับสู่สภาวะปกติอย่างไร”












