POLITICS

‘อนุทิน’ ย้ำหลักการไม่หนุนพรรคแก้ไขมาตรา 112 เห็นควรโหวตนายกฯ เพียงครั้งเดียว

‘อนุทิน’ เตรียมประชุมพรรคพรุ่งนี้กำหนดทิศทางโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ย้ำหลักการไม่หนุนพรรค แก้ไขมาตรา 112 ชี้ เสียงข้างน้อยตั้งรัฐบาลยาก เห็นควรโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีเพียงครั้งเดียว เพื่อจัดตั้งรัฐบาลโดยเร็ว

วันนี้ (10 ก.ค. 66) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า วันพรุ่งนี้ (11 ก.ค. 66) พรรคภูมิใจไทยจะมีการประชุม ส.ส.ของพรรค ในการกำหนดทิศทางของพรรคในการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี ที่จะขึ้นในวันที่ 13 กค.นี้ และถือเป็นการประชุมครั้งแรกหลังเปิดสภา ทั้งนี้เพื่อรับฟังความคิดเห็นของ ส.ส. ในประเด็นทิศทางสถานการณ์ทางการเมืองจะมีทิศทางในการลงมติในเรื่องต่าง ๆ พร้อมย้ำ หลักการของพรรคในการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี เป็นไปตามแถลงการณ์ของพรรค ที่ระบุว่าไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขมาตรา 112

หลังจากนั้นเมื่อลงมติไม่รับนโยบายของพรรคใดพรรคหนึ่ง ก็ต้องมีการชี้แจงให้กับประชาชนได้เข้าใจ ขณะนี้ตนเองไม่ต้องการพูดหรือไปตอกย้ำเพราะว่าแถลงการณ์ของพรรคได้ออกไปแล้วเรายืนอยู่บนเจตนารมย์ของแถลงการณ์ พร้อมระบุไม่ทราบในเรื่องขาด คุณสมบัติของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค ภายหลัง กกต. เตรียมยื่นศาลรัฐธรรมนูญ ว่าขาดคุณสมบัติหรือไม่ เป็นเรื่องที่พรรคไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง

ขณะที่ พรรคก้าวไกลจัดพบปะประชาชนถือเป็นการระดมมวลชนกดดัน ส.ส. และส.ว. ให้เลือก นายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่นั้น นายอนุทิน กล่าวว่าการชุมนุมเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญและสถานการณ์ ก็ผ่านไปได้ด้วยดีไม่เกิดความวุ่นวาย ไม่มีความเสียหายใดๆ เกิดขึ้น เป็นแนวทางของพรรคนั้น ที่จะดำเนินการ จะไปวิจารณ์ในเรื่องนี้ไม่ได้

ทั้งนี้ส่วนตัวเชื่อว่า ส.ส. และ ส.ว.จะไม่กลัวการถูกล่าแม่มดจากกลุ่มที่สนับสนุนนายพิธา หลังการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี เพราะ ส.ส รวมถึง ส.ว. มีวิจารณญาณ มีเอกสิทธิ์ ซึ่งวันนี้ไม่ทราบว่าแต่ละคนมีความคิดเห็นอย่างไร และจะไปทำแบบนั้นไม่ได้ เป็นเรื่องไม่มีประโยชน์ ส่งผลต่อการสร้างความแตกแยก

จนถึงขณะนี้ ตนเองขอให้กำลังใจ ทุกพรรคทุกคนในการจัดตั้งรัฐบาลให้ราบรื่น ถ้าจัดตั้งรัฐบาลได้ราบรื่น ก็เป็นผลดีต่อประเทศ การที่จะได้รับสนับสนุนจากทุกฝ่ายให้ราบรื่น บางครั้งอาจจะต้องถอยบ้าง ซึ่งเป็นทางที่ดีใช่หรือไม่ พร้อมย้ำว่า พรรคภูมิใจไทย เป็นพรรคลำดับที่ 3 ไม่มีความเกี่ยวข้องในการเป็นเจ้าภาพจัดตั้งรัฐบาล เพราะขณะนี้พรรคลำดับที่ 1 และลำดับที่ 2 กำลังจัดตั้งรัฐบาลอยู่ ซึ่งยังไม่ใช่บทบาทของพรรคภูมิใจไทยในขณะนี้

นายอนุทิน ยังกล่าวถึงหากเพื่อไทย เป็นพรรคลำดับที่ 2 จะจัดตั้งรัฐบาลว่าต้องดูอีกทีว่า จะจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคใด ย้ำพรรคภูมิใจไทยดูที่แนวทางในการทำงานร่วมกันได้ ดังนั้นขอให้รอการโหวตในสภาก่อน ส่วนตัวเห็นว่า ควรลงมติเพียงครั้งเดียวในการเลือกนายกรัฐมนตรีและได้ผู้นำรัฐบาลที่ตามหลักประชาธิปไตยได้รับเสียงข้างมาก แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่ประธานรัฐสภาจะวินิจฉัยว่าจะกำหนดให้มีการลงมติอีกครั้งหากเลือกนายกรัฐมนตรีไม่ผ่านกี่ครั้ง ส่วนตัวเห็นบทบัญญัติคร่าวๆ ก็ยังต้องตีความหากมีการเสนอชื่อลงมติซ้ำ ก็ต้องขอมติในสภา ขณะที่ข้อคิดเห็นของสมาชิกวุฒิสภาจะให้ใช้หลักการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีแบบองค์กรอิสระ ก็ขึ้นอยู่กับประธานรัฐสภาวินิจฉัย ซึ่งจะต้องขอความเห็นชอบจากสมาชิกสภาด้วยหรือไม่ เรื่องนี้ยังต้องตีความ เพราะบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ไม่ได้กำหนดไว้ชัดเจน ดังนั้นต้องทำตามเสียงส่วนใหญ่

ขณะที่การหารือของซีกรัฐบาลเดิมที่รวมเสียงได้ 188 เสียงนั้น นายอนุทินกล่าวว่า ถึงเวลานี้ ยังไม่มีการนัดพูดคุย เชื่อว่าหลายคนต้องรอดูสถานการณ์ พร้อมเห็นว่าขณะนี้ไม่มีซีกรัฐบาลเดิมหรือรัฐบาลใหม่แล้ว เพราะจบไปตั้งแต่การเลือกตั้ง หากมารวมซีกรัฐบาลเดิมในวันนี้ 188 เสียง หากโหวตเสียงในสภาแข่งมีน้อยก็สู้ไม่ได้ ซึ่งพรรคภูมิใจไทยย้ำว่า มาตลอดตั้งแต่การเลือกตั้งปี 2562 แล้ว ว่าจะต้องได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งในสภาถึงจะจัดตั้งรัฐบาลได้ แต่มาในวันนี้ถึงจะมี 188 เสียง และมีวุฒิสภาสนับสนุน แต่พรรคภูมิใจไทยจะทำแบบนั้นไม่ได้ เพราะมันค้านกับจุดยืนที่เคยให้ไว้กับประชาชน

ดังนั้นทุกอย่างต้องทำตามระบอบประชาธิปไตย และต้องได้เสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรก่อน หากฝืนดำเนินการรัฐบาลเสียงข้างน้อยในการจัดตั้งรัฐบาล เชื่อว่า จะไปไม่รอด เพราะวุฒิสภาก็จะหมดวาระ ดังนั้นจะส่งผลกระทบต่อการทำงานสภา ทำงานต่อไม่ได้ ท้ายที่สุดต้องลาออกและยุบสภา เดือดร้อนไปถึงประชาชนที่ต้องมาเลือกตั้งอีก

Related Posts

Send this to a friend