เผยสถิติภัยออนไลน์ 3 ปี เสียหายเกือบแสนล้านบาท ชี้เหยื่อแจ้งความแค่ 10% แต่พยายามติดต่อกลับมิจฉาชีพถึง 42%
กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ และ The Reporters ร่วมจัดเสวนาออนไลน์ เพื่อสร้างเครือข่ายความปลอดภัยดิจิทัล ป้องกันภัยไซเบอร์ ‘ถอดสมการกลโกง: ‘หางานออนไลน์’ และ ‘ลงทุนปลอม’ ในโซเชียล’ โดยมี พัชรพร พงษ์ทัดศิริกุล ผอ. ฝ่ายส่งเสริมการรู้เท่าทันและเฝ้าระวังสื่อกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์, รศ.ดร.นวลน้อย ตรีรัตน์ ผอ. ศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และสาริกา อภิวรรธกกุล ผอ. ฝ่ายพัฒนาและส่งเสริมความรู้ตลาดทุน ก.ล.ต. ร่วมพูดคุย
รศ.ดร.นวลน้อย เปิดเผยว่า สถิติการรับการแจ้งความภัยออนไลน์ตั้งแต่ 1 มีนาคม 2565 – 30 สิงหาคม 2568 มีผู้แจ้งความเกือบล้านคน มูลค่าความเสียหายกว่า 97,991 ล้านบาท โดยปี 2567 ถือเป็นปีที่เลวร้ายมากที่สุด
ทั้งนี้ หากดูตามเคสของการแจ้งความจะพบว่า อันดับ 1 คือ การซื้อขายออนไลน์ 47% อันดับ 2 การหลอกลงทุน 24% ขณะที่ อันดับ 3 หลอกหางาน 12% และอันดับ 4 แก๊งคอลเซ็นเตอร์ 11% อย่างไรก็ตาม เมื่อดูจากมูลค่าความเสียหายกลับพบว่า การหลอกลงทุนมีมูลค่าความเสียหายมากที่สุด คิดเป็น 55% ตามมาด้วยการหลอกหางาน 16% และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 15%
จากการดำเนินงานวิจัยพบว่า กลุ่มของ Baby Boomer และ Gen X มักจะตกเป็นเหยื่อของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และหลอกลงทุน ขณะที่กลุ่มของ Gen Z และ Gen Y ซึ่งเติบโตมาพร้อมกับเทคโนโลยี จะตกเป็นเหยื่อจากการซื้อของออนไลน์ รวมถึงเรื่องการหางาน
เมื่อแบ่งตามแพลตฟอร์ม และช่องทางที่มิจฉาชีพใช้พบว่า Facebook เป็นช่องทางที่มิจฉาชีพใช้หลอกลวงเรื่องหางาน โรแมนซ์สแกม รวมถึงการซื้อขายออนไลน์ ขณะที่ช่องทางโทรศัพท์มักจะเป็นลักษณะของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และการหลอกลงทุน
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ผู้เสียหายกระทำหลังตกเป็นเหยื่อคือ พยายามติดต่อมิจฉาชีพกลับไป 42% รองลงมาคือ ไม่ทำอะไร 28% มีเพียงแค่ 10% ที่มาแจ้งความ ทั้งนี้ ปัจจัยที่เกี่ยวข้องต่อการเข้ามาแจ้งความคือ มูลค่าความเสียหาย และความชัดเจนของช่องทางการร้องเรียน ขณะที่ปัจจัยด้านการติดตามข่าวสาร ทำให้ลดโอกาสในการแจ้งความลง เนื่องจากผู้เสียหายเกิดความรู้สึกโทษตัวเอง และเจ็บใจ
รศ.ดร.นวลน้อย กล่าวว่า การหลอกลวงเหล่านี้กลายเป็นอุตสาหกรรมที่มีห่วงโซ่การผลิต และมีการแบ่งงานกันทำ สามารถขยายตัวเองได้ มิจฉาชีพหน้าใหม่สามารถเข้าไปซื้อเครื่องมือ ข้อมูลต่าง ๆ ผ่าน dark web ทำให้การจับกุมค่อนข้างยาก
สาริกา กล่าวถึงขั้นตอน และกลวิธีที่มิจฉาชีพใช้หลอกลวงว่า ส่วนมากหลอกตามสิ่งที่เหยื่อกำลังให้ความสนใจ อาศัยการนำรูป หรืออ้างบุคคลที่มีชื่อเสียง รวมถึงองค์กรที่น่าไว้ใจมาอ้างเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือยิ่งขึ้น รูปแบบของการหลอกอาจเริ่มจากการสร้างความน่าเชื่อถือ ความไว้วางใจ ก่อนจะส่งลิงก์ หรือชวนให้เข้ากลุ่มต่าง ๆ อ้างได้ผลตอบแทนดี แรก ๆ ให้ลงทุนน้อย แต่ได้ผลตอบแทนกลับมาดี มีการให้โอนเงินเข้าบัญชีนิติบุคคลสร้างความน่าเชื่อถือ ก่อนที่ต่อมาจะหลอกให้ลงทุนมากขึ้นเรื่อย ๆ และเปลี่ยนมาโอนเข้าบัญชีส่วนตัวแทน
พัชรพร กล่าวว่า กองทุนฯ ไม่ได้มีอำนาจในการตรวจจับใคร เพียงแต่เป็นหน่วยงานที่สนับสนุนผู้ผลิตสื่อต่าง ๆ ในการรณรงค์เรื่องต่าง ๆ ซึ่งเรื่องของภัยออนไลน์ส่วนหนึ่งแก้ด้วยการผลักดันให้ผู้คนเห็นข้อมูลที่รู้เท่าทันภัย ซึ่งอาจเป็นสิ่งที่ไม่เคยรู้มาก่อน
รศ.ดร.นวลน้อย กล่าวถึงการรับมือต่อกลโกงของมิจฉาชีพออนไลน์ว่า กลยุทธ์ที่มิจฉาชีพใช้คือจิตวิทยา มีการพลิกหลอกซ้ำซ้อน สร้างสถานการณ์เร่งด่วนให้รีบตัดสินใจเพื่อให้เราคิดไม่ทัน สิ่งที่น่ากังวลคือ เมื่อไปคุยกับผู้เสียหาย กลับพบว่าผู้เสียหายเหล่านี้ไม่ได้รับสื่อที่รู้เท่าทัน ถือเป็นโจทย์ใหญ่ที่จะทำอย่างไรให้คนส่วนใหญ่เข้าถึงสื่อได้ โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่อยู่ในสังคมกึ่งเมืองกึ่งชนบท ซึ่งนอกจากการผลิตสื่อแล้ว อาจจะต้องมีผู้ที่นำสื่อเข้าไปถึงตัวได้
สาริกา ยังกล่าวถึงวิธีการดำเนินงานในการป้องกันของ ก.ล.ต. ว่า ก.ล.ต. ดำเนินงานโดยใช้สื่อ มีแอปฯ SEC Check First ช่วยเช็คได้ว่าคนที่มาแนะนำเป็นตัวจริงหรือไม่ รวมถึงมีสายด่วนแจ้งหลอกลงทุน 1207 กด 22 สามารถโทรมาสอบถามคัดกรองได้ นอกจากนี้ แอปฯ ยังเข้าถึงการใช้งานร่วมกับ Cyber Check ตรวจสอบความปลอดภัยที่โทรเข้า












