นายกฯ เตรียมตั้ง กมธ. ศึกษารายละเอียด MOU 43 – 44
นายกฯ เตรียมตั้ง กมธ. ศึกษารายละเอียด MOU 43 – 44 ส่วนนโยบายรัฐบาล ‘ภูมิใจไทย’ เสนอทำประชามติอยู่แล้ว หวังลดข้อโต้เถียงผู้เห็นต่าง
วันนี้ (26 ก.ย. 68) เวลา 14:30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย – กัมพูชา เกี่ยวกับจุดยืนต่อ MOU 43 และ 44 ว่า อยู่ในชั้นนโยบาย เพื่อไม่ให้มีข้อขัดแย้งเพิ่มขึ้นอีก ตอนนี้ให้ทางสภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมธิการขึ้นมาศึกษาอยู่แล้ว แต่ในส่วนของนโยบายรัฐบาลจะมีการเสนอให้ทำประชามติเกี่ยวกับเรื่องนี้
ส่วนเหตุผลของการทำประชามติ ทั้งๆ ที่ ครม.สามารถตัดสินใจเรื่องนี้ได้ นายอนุทิน ระบุว่า ไม่ต้องการให้มีความเห็นต่างใดๆ พร้อมขอว่า วันนี้อย่าเพิ่งถามในรายละเอียด
ผู้สื่อข่าวถามถึงสถานการณ์ที่ฝ่ายกัมพูชามีการยั่วยุในหลายพื้นที่ นายอนุทิน ยอมรับว่า มีการยั่วอยู่ตลอดเวลา ฝ่ายกองทัพก็มีความอดทนเป็นอันมาก และมีความพร้อมเต็มกำลัง ไม่ให้มีการล่วงล้ำ
ส่วนจะให้กองทัพตัดสินใจได้เลยใช่หรือไม่ นายอนุทิน ระบุว่า ถูกต้อง ตนได้ยืนยันกับ พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พลโทอดุลย์ บุญธรรมเจริญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ถึงท่าทีของรัฐบาล และท่าทีของตน ซึ่งทั้งสองท่านรับทราบแล้ว และเมื่อสักครู่ได้มีโอกาสคุยโทรศัพท์ กับพลเอกพนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก ก็มีความเข้าใจในการทำงาน และการปฏิบัติการตรงกัน
ส่วนเรื่องตอบโต้นั้น นายอนุทิน กล่าวเพียงว่า รายละเอียดขอให้กองทัพเป็นผู้อธิบาย
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวถามว่าในฐานะที่เป็นนายกรัฐมนตรี หลังแถลงนโยบายถือว่าปฏิบัติได้เต็มที่จะมีการโทรพูดคุยกับนายฮุน มาเน็ต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา หรือสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ด้วยตัวเองเลยหรือไม่ เพื่อคลี่คลายปัญหา นายกรัฐมนตรี ระบุว่า เรื่องการรักษาดินแดน รักษาธิปไตย รักษาความปลอดภัยของประเทศ และประชาชน เป็นเรื่องของทางกองทัพที่จะมีอำนาจอย่างเต็มที่ เรื่องเปิดด่านย้ำว่าไม่มี จนกว่าความเป็นภัยของกัมพูชาต่อประเทศไทยจะหมดไป
ส่วนการดำเนินการทางการทูต ตนได้มีนโยบายให้กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในเรื่องการต่างประเทศ และการทูตอยู่แล้ว ทั้งการมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน หรือการบริหารสถานการณ์ที่มีความขัดแย้ง ก็จะต้องหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หากมีมาตรการใดๆ ก็จะใช้ดุลพินิจในการตัดสินใจเป็นช่วงๆ ไป












