POLITICS

เปิดคำวินิจฉัยศาล รธน.หลังมีมติเสียงข้างมากสั่ง ‘พิเชษฐ์’ พ้นสภาพ สส.-ตัดสิทธิ์ 10 ปี

เปิดคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ หลังมีมติเสียงข้างมาก 6 ต่อ 3 สั่ง ‘พิเชษฐ์’ พ้นสภาพ สส.-ตัดสิทธิ์ 10 ปี ปมแปรงบลง 3 โครงการในพื้นที่ตนเอง หวังสร้างคะแนนนิยม

วันนี้ (1 ส.ค. 68) องค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งบัลลังก์เพื่ออ่านคำวินิจฉัยในคดีที่ ภัณฑิล น่วมเจิม สส. กทม. พรรคประชาชน ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยว่า การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 และร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณปี 2569 มีการเสนอแปรญัตติ หรือการกระทำด้วยประการใด มีผลให้ สส. สว. หรือกรรมาธิการ มีส่วนไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมในการใช้งบประมาณรายจ่าย ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 144 วรรคสองหรือไม่

ศาลรัฐธรรมนูญประชุมปรึกษาหารือร่วมกันแล้วเห็นว่า กรณีสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรขอถอนโครงการออกจากงบประมาณรายจ่ายประจำปิ๊งปึงประมาณ พ.ศ.2569 ศาลรัฐธธธรรมนูญต้องจำหน่ายคดีเพราะไม่มีเหตุที่ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยคดีต่อไป หรือไม่ ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์มีคำสั่งไม่จำหน่ายคดีเพราะมีเหตุที่ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยคดีต่อไป

ประเด็นที่หนึ่ง ผู้ถูกร้องมีส่วนในการเสนอ การแปรญัตติ หรือการกระทำด้วยประการใด ๆ ในโครงการทั้งสาม หรือไม่ ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ โดยเสียงข้างมาก (5 ต่อ 4) วินิจฉัยว่า ผู้ถูกร้องมีส่วนในการเสนอ การแปรญัตติ หรือการกระทำด้วยประการใด ๆ ในโครงการทั้งสาม ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เสียงข้างมาก จำนวน 5 คน คือ นายปัญญา อุดชาชน นายวิรุหห์ แสงเทียน นายจิรนิติ หะวานนท์ นายนพดล เทพพิทักษ์ และนายสุเมธ รอยกุลเจริญ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างน้อย จำนวน 4 คน คือ นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม นายบรรจงศักดิ์ วงศ์ปราชญ์ และนายอุดม รัฐอมฤต เห็นว่า การให้ความเห็นชอบให้เสนอคำแปรญัตติของผู้ถูกร้องเป็นการกระทำของผู้ถูกร้องในฐานะที่เป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่หนึ่ง มิใช่ในฐานะเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร

ประเด็นที่สอง มีการเสนอ การแปรญัตติ หรือการกระทำด้วยประการใด ๆ ที่มีผลให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา หรือกรรมาธิการ มีส่วนไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในการใช้งบประมาณรายจ่าย อันเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนรัฐธธรรมนูญ มาตรา 144 วรรคสอง และให้การเสนอ การแปรญัตติ หรือการกระทำดังกล่าวเป็นอันสิ้นผล หรือไม่ หากผู้ถูกร้องเป็นผู้กระทำการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 วรรคสอง จะทำให้สมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของผู้ถูกร้องสิ้นสุดลงนับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัย และจะถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตามมาตรา 144 วรรคสาม หรือไม่ เพียงใด

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติโดยเสียงข้างมาก (6 ต่อ 3) วินิจฉัยว่า มีการเสนอ การแปรญัตติ หรือการกระทำด้วยประการใด ๆ ที่มีผลให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา หรือกรรมาธิการ มีส่วนไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในการใช้งบประมาณรายจ่าย อันเป็นการกระทำที่ฝ้าฝืนรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 วรรคสอง และให้การเสนอ การแปรญัตติหรือการกระทำด้วยประการใด ๆ เกี่ยวกับโครงการเยาวชน โครงการประชาชน และโครงการสตรี ในงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 เป็นอันสิ้นผล และวินิจฉัยว่า สมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของผู้ถูกร้องสิ้นสุดลงนับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย คือ วันที่ 1 สิงหาคม 2568 และให้ถือว่าวันที่ศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัยให้แก่คู่กรณีฟังโดยชอบตามตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2561 มาตรา 76 วรรคหนึ่ง เป็นวันที่ตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่มาจากการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้งว่างลงตามรัธธรรมนูญ มาตรา 105 วรรคหนึ่ง (1) ประกอบมาตรา 102 และให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้ถูกร้องมีกำหนดเวลา 10 ปี นับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย

ตุลาการศาลรัฐธรรมญเสียงข้างมาก จำนวน 6 คน คือ นายปัญญา อุดชาชน นายวิรพท์ แสงเทียน นายจิรนิติ หะวานนท์ นายนภดล เทพพิทักษ์ นายบรรจงศักดิ์ วงศ์ปราชญ์ และนายสุเมธ รอยกุลเจริญ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างน้อย จำนวน 3 คน คือ นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม และนายอดม รัฐอมฤต เห็นว่า การกระทำของผู้ถูกร้องไม่เข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 วรรคสอง สมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของผู้ถูกร้อง จึงไม่สิ้นสุดลง

Related Posts

Send this to a friend