ชาวบ้านตามแนวชายแดน ย้ำ อยากให้มีการหยุดยิง เหตุ ประชาชน ทั้งสองประเทศได้รับผลกระทบ
วันนี้ (25 ก.ค. 68) ภายหลังเกิดเหตุการปะทะกันในพื้นที่ชายแดนไทย – กัมพูชา ชาวบ้านในพื้นที่ชายแดนของจังหวัดสุรินทร์ได้รับความเดือดร้อน และมีประกาศให้อพยพออกจากพื้นที่ในหลายอำเภอ ไปอยู่ศูนย์พักพิงที่ราชการเตรียมไว้
The Reporters ได้สัมภาษณ์ นางถิน พลพงษ์ ชาวบ้านตามแนวชายแดนจังหวัดสุรินทร์ซึ่งมีอายุ 77 ปี เปิดเผยว่า เคยผ่านเหตุการณ์ปี 2554 ซึ่งมองว่ารุนแรงกว่าตอนนี้ มีการยิงกันทั้งฝั่งไทยและฝั่งกัมพูชาแต่ตรงที่เราอยู่นั้นไม่โดน ตนเองอายุปูนนี้แล้ว ก็ไม่รู้จะไปไหน เขาจะยิงก็เรื่องของเขา แต่ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้มีการเลิกยิง แต่ถ้าเขาไม่เลิกแล้วจะให้เราทำอย่างไร
“ก็กลัวอยู่แต่ไม่ตื่นเต้น”

ด้านนางสมร พลพงษ์ เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ที่เกิดเหตุเหตุการณ์ปะทะกันในช่วงเช้าตนเองอยู่ที่บ้าน แต่ตอนแรกก็นึกว่าฟ้าร้อง พร้อมยอมรับว่าก็กลัวอยู่แต่ไม่อยากไปจากพื้นที่เพราะออกไปก็ไปแออัด ตนเองก็มีโรคประจำตัวด้วย จึงไม่อยากไป แม้ผู้ใหญ่บ้านสั่งให้มีการอพยพ
“ถ้าลุยกับทหารก็ไม่ว่าอะไรหรอก แต่มาลุยกับบ้านเรา คนก็ตาย ที่ยิงเข้ามาในร้านสะดวกซื้อ ปั๊มน้ำมัน” นางสมร กล่าว
นางสมร กล่าวอีกว่า ไม่อยากให้มีการยิงกัน อยากอยู่แบบสงบ ๆ กัมพูชากับไทย ก็มีชีวิตเหมือนกัน คนกัมพูชาก็มาทำงานที่ประเทศไทยเยอะแยะ

ด้านนายสมบัติ คำมณี พ่อค้าร้านไก่ย่างส้มตำเปิดเผยว่าสถานการณ์ชายแดนในขณะนี้ในพื้นที่โดยรอบยังไม่มีอะไรมากเท่าไหร่เพราะส่วนใหญ่จะอยู่ที่บริเวณริมชายแดน ซึ่ง ขณะนี้ก็ยังได้ยินเสียงปืนอยู่เป็นระยะ ๆ โดยมีการสั่งให้อพยพออกจากพื้นที่ตามแนวชายแดน ซึ่งคนส่วนใหญ่ ก็จะออกไปยังมีคนที่ยังอยู่ส่วนน้อยเท่านั้น ส่วนที่ตนเองยังตัดสินใจอยู่ในพื้นที่เพราะว่ามีผู้สูงอายุด้วย เขาก็อยากอยู่บ้าน แต่ในบ้านตนเองนั้นเด็กได้อพยพออกไปแล้วเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา และยังมีการทยอยอพยพต่อเนื่อง












