POLITICS

‘รังสิมันต์’ จี้ รัฐบาลเร่งจัดการปมชายแดน–ทุ่นระเบิด อย่าปล่อยให้บานปลาย

‘รังสิมันต์’ จี้ รัฐบาลเร่งจัดการปมชายแดน–ทุ่นระเบิด อย่าปล่อยให้บานปลาย แนะ ‘แพทองธาร–ทักษิณ’ ถ้าไปต่อไม่ได้ควรคืนอำนาจประชาชน

วันนี้ (22 ก.ค. 68) ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน ในฐานะประธานกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กล่าวถึงปัญหาความไม่สงบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ปัญหาตามแนวชายแดนควรมีแนวทางที่ต้องจัดการ และหาทางออกได้แล้วเราจะปล่อยแบบนี้ต่อไป โดยที่เรื่องต่าง ๆ ที่รัฐบาลหวังว่าจะเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขปัญหาไม่ว่าจะเป็นการเจรจากับชาติอื่น หรือเรื่องของคอลเซ็นเตอร์นั้น ก็มีความคืบหน้าที่น้อย มาก รวมถึงล่าสุดที่มีการวางกับระเบิดบริเวณช่องบก นั้นชัดเจนว่าผิดอนุสัญญาออตตาวา ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศมีปฏิกิริยาออกมาช้ามาก เมื่อเทียบกับสถานการณ์ที่ผันแปรไป ดังนั้นความล่าช้าต่าง ๆ ก็เติมไฟให้กับความรู้สึกของประชาชน ซึ่งสถานการณ์ที่พัฒนาไปเรื่อย ๆ นั้นหากสู้รบกันก็จะเสียทั้งสองฝ่าย

เมื่อถามถึงกรณีกับระเบิดที่ฝั่งกัมพูชาออกมาระบุว่าประเทศไทยไม่มีหลักฐานยืนยันว่าเป็นระเบิดของฝั่งไทยหรือกัมพูชานั้น นายรังสิมันต์ กล่าวว่า หลักฐานอยู่ที่ระเบิดเพราะหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญก็จะรวบรวมข้อมูล แต่หากเป็นระเบิดที่ถูกวางโดยฝ่ายกัมพูชาจริงนั้น ตนเองมองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ แม้ตามอนุสัญญานั้นจะมีบทลงโทษที่ไม่ชัดเจน แต่ใครที่ละเมิดอนุสัญญาก็จะเสียหายจากการยอมรับในเวทีนานาชาติ เรียกได้ว่าได้รับความเสียหายมาก จึงคิดว่าเรื่องนี้ประเทศไทยอยู่เฉยไม่ได้ และต้องทำงานทั้งกระทรวงการต่างประเทศกับฝ่ายความมั่นคงอย่างเป็นเอกภาพคิดว่าการทำงานวันนี้ทั้ง 2 หน่วยงานนั้น มีปัญหามาก และรัฐบาลก็ไม่คิดจะแก้ปัญหา เพราะสถานการณ์นั้นพัฒนาไปเร็ว แต่กระทรวงการต่างประเทศที่จะออกประณามแต่ละครั้งก็มีความล่าช้า หนังสือประท้วงก็ยังไม่ได้ทำ การเชิญทูตมาตำหนิก็ไม่ได้ทำ คิดว่ากระบวนการหลายอย่างค่อนข้างล่าช้าคิดว่ารัฐบาลอาจจะมีปัญหา จะไปรอให้หน่วยงานฝ่ายปฏิบัติทำเองทุกอย่างก็ไม่ได้

“สาเหตุง่าย ๆ คือหลังจากมีเรื่องคลิปเสียงก็เหมือนรัฐบาลก็ไม่อยากไปยุ่งอะไรมากเพราะหากไปยุ่งก็อาจจะเจอปัญหาเรื่องคลิปเสียง และความชอบธรรมของรัฐบาลอาจจะน้อยกลายเป็นว่ารัฐบาลไม่ได้ไปกำกับดูแล และดำเนินการอย่างที่จะป็นฝ่ายดำเนินการ ฝ่ายประจำก็ทำไป จนสุดท้ายล่าช้าไปหมด ทำให้ดูเหมือนอยู่ในสถานการณ์ที่เพลี่ยงพล้ำยังไม่นับที่ประชาชนตามแนวชายแดนได้รับความเดือดร้อนเพราะเห็นภาพที่ปราสาทตาเมือนธมที่เป็นภาพการทะเลาะเบาะแว้ง หรือชิงไหวชิงพริบกัน เพราะประชาชนตามแนวชายแดนมีความกังวลว่าจะมีสงครามหรือไม่ ขณะที่ฝั่งอรัญประเทศก็มีความกังวลด้านเศรษฐกิจ” นายรังสิมันต์ กล่าว

นายรังสิมันต์ ยังกล่าวอีกว่า รัฐบาลต้องกำกับให้ทุกหน่วยงานทำงานอย่างมีเอกภาพฝ่ายความมั่นคงก็ทำงานในส่วนฝ่ายความมั่นคง การสื่อสารของฝ่ายความมั่นคงรัฐบาลก็ต้องกำกับ รวมถึงกระทรวงการต่างประเทศก็ต้องไม่ช้า ส่วนจะนำเรื่องกับระเบิดเข้าในประชุมกรรมาธิการหรือไม่ นั้น ยืนยันว่าต้องเข้าในกรรมาธิการอยู่แล้ว เพราะเป็นการพิจารณาภาพรวมของสถานการณ์กัมพูชาที่เราต้องหาข้อยุติ ซึ่งเรื่องกับระเบิดก็เป็นเรื่องที่ต้องพูดคุยกัน

ผู้สื่อข่าวถามว่า อยากฝากอะไรถึงนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ถ้าไปต่อไม่ได้นั้น มีวิถีทางการเมืองอยู่คือ คืนอำนาจให้ประชาชน ถ้าเมื่อไหร่ที่นางสาวแพทองธารหรือนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่รู้จักคำว่าพอหรือไม่เข้าใจว่าสถานการณ์นี้จะไปต่อไม่ได้จริง ๆ อยากให้มองในภาพรวมแล้วคิดว่าถ้าสถานการณ์แบบนี้เดินต่อไม่ได้ บางทีการเดินไปสู่การเลือกตั้งก็อาจเป็นวิธีที่ดีที่สุด เมื่อมีการเลือกตั้งทุกอย่างจะคลี่คลายมากกว่านี้

Related Posts

Send this to a friend