สุทิน เย้ย ฝ่ายค้านอภิปราย 80-90% เป็นเรื่องเก่า เปรียบ เอานักมวยไม่พร้อมขึ้นสังเวียน
นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการอภิปรายแบบไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 ที่มีการพาดพิงถึงการจัดซื้อเรื่องเรือดำน้ำหรือเรือฟริเกต ว่า ไม่เห็นจะดุเดือดรุนแรงตรงไหน เขาก็ไม่รู้จริงเท่าไหร่ ส่วนกรณีที่ฝ่ายค้านระบุว่าไปตัดเรือฟริเกตทำไม ทำไมจึงไม่ให้ นายสุทิน มองว่า เป็นเหลี่ยมการเมืองของฝ่ายค้าน เพราะหากเราขาวเขาก็จะดำ เราดำเขาก็จะขาว หากสมมติให้ไปเขาก็จะต่อว่าเราอีก ฉะนั้นเราไม่ต้องไปชกตามเสียงเชียร์ ชกตามแผนเราถ้าเป็นนักมวย
เมื่อถามว่างบฯ ปี 68 จะมีการจัดซื้อเรือฟริเกตได้หรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า ยังไม่มีการสรุปว่าจะเข้าหรือไม่เข้า ต้องรอดูการพูดคุยประเด็นเรือดำน้ำก่อน ซึ่งมีความเชื่อมโยงกัน เพราะงบ 2 ก้อน ทั้งงบฯ ปี 67 และ ปี 68 จะต้องสัมพันธ์กัน เพราะหากได้ข้อสรุปเรื่องเรือดำน้ำอย่างไรก็จะมีผลต่อเรือฟริเกต ในงบฯ ปี 68 พร้อมยืนยันว่าเจตนาจะให้อยู่แล้วแต่ขอให้รอสักนิด พร้อมยืนยันว่าจะพยายามเร่งตัดสินใจเรื่องเรือดำน้ำโดยเร็วที่สุด และอยากจะให้จบภายในเดือนเมษายน พร้อมเปิดเผยว่ามีสัญญาณที่น่าจะดำเนินการในปีงบประมาณ 2568 ได้
ส่วนกรณีที่ฝ่ายค้านอภิปรายกล่าวหาว่ามีคนในรัฐบาลโทรหากองทัพเรือ ในลักษณะการตบทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมระบุว่า เรื่องนี้ตนฟังไม่ทัน ว่าเขาพูดว่าอย่างไร คนในรัฐบาลโทรไปอย่างไร มองว่าหากมีการโทรไปจริงอาจไม่ใช่เรื่องตบทรัพย์ น่าจะเป็นเรื่องการให้กำลังใจ
เมื่อถามว่าการอภิปรายในครั้งนี้กองทัพเรือถูกเป็นเป้าในการอภิปรายอย่างหนักหลายเรื่อง รวมถึงเรื่องการกู้เรือหลวงสุโขทัย นายสุทิน มองว่า ไม่ใช่เรื่องแปลก เนื่องจากมีหลายกรณี ก็ต้องโดนอภิปรายมาก
ส่วนที่นายสุทินมีการชี้แจงต่อสภาฯวานนี้ว่าอาจจะต้องมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบซ้ำหากมีข้อมูลไม่ชอบมาพากล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ระบุว่า ก็เป็นความตั้งใจอยู่ เราในฐานะฝ่ายบริหารก็ต้องทำทุกเรื่องให้ตรงไปตรงมาและให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายที่สุด เพราะหากผลสอบสวนออกมาไม่เป็นธรรมก็ต้องทำให้เป็นธรรม โดยวิธีหนึ่งก็คือการสอบสวนใหม่ หรือสั่งให้เขาทบทวน ซึ่งต้องดูว่าสามารถทำได้ในวิธีใด แต่ถ้าสังคมรับได้ก็ถือว่าจบ
ส่วนกรณีที่ฝ่ายค้านอภิปรายว่าโครงการหนองวัวซอโมเดล รัฐบาลชุดนี้ นำโครงการเก่ามาปัดฝุ่นและเปลี่ยนชื่อ นายสุทิน กล่าวว่า เขาคิด และพูดไปเองเพื่อด้อยราคา แต่จริงๆ แล้ว อาจจะคล้ายแต่ไม่เหมือน พร้อมอธิบายว่า พื้นที่ของเก่ามีขนาดเล็ก และใช้พื้นที่บางจุด แต่โครงการนี้ใช้พื้นที่ขนาดใหญ่ และทำให้ประชาชนได้รับผลจำนวนมาก ซึ่งก็ถือว่าต่างกันแล้ว รวมถึงวิธีการทำงานก็ต่างกันเยอะ พร้อมยืนยันว่าไม่ใช่แบบเดียวกัน ส่วนเป้าหมายการใช้ที่ดินก็คนละพื้นที่
ส่วนที่มีการโจมตีว่าเป็นพื้นที่ชาวบ้านเดิมแต่กลับต้องจ่ายค่าเช่านั้น นายสุทินอธิบายว่า เรื่องนั้นเขาคิดเองว่าเป็นของชาวบ้าน ฉะนั้นเราจึงคิดว่ากระบวนการพิสูจน์สิทธิ์จะให้คำตอบ แต่ที่แน่ๆเป็นข้อพิพาทมาโดยตลอด เพราะหากเป็นของชาวบ้านก็จะไม่มีการพิพาท ฉะนั้นจึงจำเป็นต้องพิสูจน์สิทธิ์
เมื่อถามว่าให้คะแนนฝ่ายค้านในการอภิปรายครั้งนี้เท่าไหร่ นายสุทิน กล่าวว่าตนไม่อยากไปด้อยค่า ไม่ใช่เฉพาะกระทรวงกลาโหม ทุกกระทรวง ตนบอกว่า 80%-90% เป็นเรื่องเก่า ซึ่งนี่คือปัญหา และตนก็เชื่อว่าฝ่ายค้านรู้ดีว่าเคยพูดตั้งแต่แรก ว่าเพิ่งทำงานมาไม่รู้จะอภิปรายอะไร และเขาก็รู้ว่าการอภิปรายจะต้องนำเรื่องเก่ามาพูด แต่เมื่อถูกบีบโดยสังคม หรือใครไม่รู้ไปบีบให้เขาต้องอภิปราย ไปจับเขาขึ้นชกขณะที่เขายังไม่อยากชก เขาไม่พร้อม มันก็ต้องออกมาแบบนั้น












