วุฒิสภา พิจารณาร่าง พ.ร.บ. งบ 67 ‘ภูมิธรรม’ ยืนยันจัดทำร่าง พ.ร.บ.งบ 67 เน้นขับเคลื่อน BCG
วุฒิสภา พิจารณาร่าง พ.ร.บ. งบ 67 ‘ภูมิธรรม’ ยืนยันจัดทำร่าง พ.ร.บ.งบ 67 เน้นขับเคลื่อน BCG จัดสวัสดิการรองรับประชาชนทุกกลุ่ม ด้าน ‘พล.อ.ชาตอุดม’ ชี้ พ.ร.บ.กู้เงิน 500,000 ล้าน ทำพื้นที่คลังเหลือร้อยละ 6 ไม่เพียงพอรองรับวิกฤตในอนาคต
วันนี้ (26 มี.ค. 67) การประชุมวุฒิสภาที่มี นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม ได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 วงเงิน 3,480,000 ล้านบาท ซึ่งสภาผู้แทนราษฎรลงมติเห็นชอบแล้ว
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ชี้แจงการจัดทำร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ ฯ ว่า รัฐบาลมีแนวทางจัดทำให้สอดคล้องกับแผนแม่บทและยุทธศาสตร์ชาติ ให้ความสำคัญกับการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (BCG) เน้นขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจของประเทศมั่นคง เป็นธรรม และลดความเหลื่อมล้ำ เพื่อพัฒนาการบริหารจัดการภาครัฐให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนในทุกมิติ จัดสวัสดิการรองรับประชาชนทุกกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง และให้ความสำคัญกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อพัฒนาการจัดเก็บรายได้ของท้องถิ่นให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นและครอบคลุมแหล่งทุน
ทั้งนี้ ได้ปรับลดงบประมาณที่มีความสำคัญระดับต่ำหรือหมดความจำเป็น เพื่อให้สอดคล้องกับศักยภาพการดำเนินงานของหน่วยรับงบประมาณ โดยคำนึงถึง พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังเป็นสำคัญ ซึ่งรัฐบาลยินดีรับฟังข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะของวุฒิสภาไปปรับปรุงการทำงานของหน่วยรับงบประมาณเพื่อให้การจัดสรรงบประมาณคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนอย่างยั่งยืน
พล.อ.ชาตอุดม ติตถะสิริ ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 วุฒิสภา นำเสนอรายงานว่า คณะกรรมาธิการฯ ประเมินการจัดทำนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ทของรัฐบาล ที่จะออก พ.ร.บ.กู้เงิน 500,000 ล้านบาท จะทำให้พื้นที่การคลังเหลือเพียงร้อยละ 6 ซึ่งอาจไม่เพียงพอต่อการรองรับวิกฤติที่จะเกิดขึ้นในอนาคต พร้อมเสนอการจัดเก็บรายได้ โดยการจัดเก็บภาษีเงินได้จะต้องจัดเก็บทุกภาคส่วนเป็นธรรม ไม่กระทบต่อประชาชนผู้มีรายได้น้อย และต้องมีมาตรการลงโทษที่รวดเร็วและยุติธรรม
สำหรับการพิจารณา มีสมาชิกวุฒิสภาแสดงความจำนงอภิปราย จำนวน 25 คน คาดว่าจะใช้เวลาอภิปรายรวม 3 ชั่วโมง 42 นาที ซึ่งการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ตามอำนาจของวุฒิสภาไม่สามารถปรับแก้ได้ ส่วนใหญ่จะเป็นการให้ข้อสังเกตและลงมติให้ความเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบเท่านั้น












