เวทีสภาที่ 3 จี้ถาม ‘เพื่อไทย’ ชงศึกษานิรโทษกรรม เตะถ่วงหรือไม่ ?
เวทีสภาที่ 3 จี้ถาม ‘เพื่อไทย’ ชงศึกษานิรโทษกรรม เตะถ่วงหรือไม่ ? แนะวิป 2 ฝ่ายดันถก พ.ร.บ. เป็นเรื่องด่วนในสภาฯ ผนวกฉบับประชาชนรวมคดี ม.112 ใช้จังหวะสุกงอมภายใต้รัฐบาลผสม สร้างความปรองดองในสังคมไทย
วันนี้ (29 ม.ค. 67) คณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 และเครือข่ายภาคประชาชน จัดเสวนาเวทีสาธารณะสภาที่ 3 หัวข้อ “ข้อเสนอกฎหมายนิรโทษกรรม กับการปรองดองสมานฉันท์ที่แท้จริง” ดำเนินรายการโดย นายเมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 ณ ห้องประชุม 14 ตุลา อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา ซอยดำเนินกลางใต้ แขวงวัดบวรนิเวศ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร (กทม.)
นพ.ระวี มาศฉมาดล หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ ในฐานะผู้เสนอร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สร้างเสริมสังคมสันติสุข พ.ศ. … ในรัฐสภาสมัยที่แล้ว กล่าวว่า ถ้าไม่ใช่การนิรโทษประชาชน ย่อมไม่ใช่การปรองดองสมานฉันท์ที่แท้จริง การรวมรัฐบาลเพื่อไทยกับกลุ่มเดิมอาจไม่ใช่รัฐบาลปรองดอง แต่หากมีการนิรโทษทั้งหมดก็จะเป็นการปรองดองสมานฉันท์ที่แท้จริง การนิรโทษกรรมในประเทศไทยที่ได้ผลดีที่สุดคือคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ 66/2523 ในสมัย พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ดังนั้น หากการนิรโทษกรรมถูกที่ ถูกจังหวะ ถูกเวลา ก็จะเป็นประโยชน์กับประชาชน ส่วนการนิรโทษกรรมในประเทศไทยที่ร้อนแรงที่สุด คือการนิรโทษกรรมสุดซอยรวมคดีทุจริต ในสมัย นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
“มีคำถามต่อพรรคเพื่อไทยที่มีข่าวว่าจะเสนอญัตติตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาฯ ไม่รู้ว่าคิดอย่างนั้นจริง หรือเตะถ่วงรอชั้น 14 แต่บอกเลยว่า เอกสารศึกษาท่วมหัวแล้ว ไม่รู้จะศึกษาทำไมอีก … ณ วันนี้ ถ้าวิปฝ่ายค้านและวิปรัฐบาล ตัดสินใจร่วมกันให้ พ.ร.บ. นี้เข้าสภาฯ สามารถให้ สส. เพียงคนเดียวยกมือเสนอขอเลื่อนให้เป็นเรื่องด่วน อภิปรายสักครู่หนึ่ง โหวตแล้วก็จบ แต่ถ้าผู้มีอำนาจไม่เห็นด้วยและยังขวางอยู่ อาจอีก 3 ปีหรือเปล่าก็ไม่มั่นใจ … จึงเรียกร้องให้พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำนำร่าง พ.ร.บ. เข้าสู่สภาฯ“ หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ กล่าว
นางสาวศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) กทม. พรรคก้าวไกล กล่าวว่า การนิรโทษกรรมควรให้กับประชาชนทุกกลุ่ม ไม่ว่าคนเสื้อแดง คนเสื้อเหลือง หรือแม้แต่คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ที่มีความหวังกับบ้านเมือง เชื่อว่าประเทศจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีได้ แต่ปัจจุบันยังมีการดำเนินคดีอยู่ การรวมกันของรัฐบาลเป็นสถานการณ์ที่สุกงอมที่สุดในการนิรโทษกรรมให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตโดยปกติสุข ซึ่งรวมถึงการนิรโทษกรรมคดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112
นายยิ่งชีพ อัชฌานนท์ ผู้จัดการโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน หรือ ไอลอว์ (iLaw) กล่าวว่า เรากำลังอยู่ในยุคสมัยที่มีการดำเนินคดีความทางการเมืองมากที่สุดในประวัติศาสตร์ ส่วนตัวไม่ได้เป็นห่วงคดีตัวเอง หรือใส่ใจเกี่ยวกับการต้องนิรโทษกรรมเท่านั้น เพราะในประวัติศาสตร์มักมีการนิรโทษกรรมโดยคนที่มีอำนาจเท่านั้น หลังความขัดแย้งทางการเมืองสิ้นสุดลง แต่มีความรู้สึกในทุกวันว่า คนกำลังเดินเข้าคุกทุกวัน เมื่อไม่มีทางออกเลยและยากที่นักการเมืองจะเสนอเรื่องนี้ เราจึงเสนอร่าง พ.ร.บ. นิรโทษกรรมประชาชน ด้วยความจำเป็น รวมความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 แต่ไม่นิรโทษกรรมเจ้าหน้าที่รัฐ จึงจะจัดกิจกรรมต่อเนื่องกันพร้อมเปิดให้ประชาชนเข้าชื่อกันระหว่างวันที่ 1 – 14 กุมภาพันธ์ 2567 โดยตั้งเป้าที่ 10,000 รายชื่อ
“เห็นด้วยว่าพรรคเพื่อไทยควรเป็นผู้รำในเรื่องนี้ ไม่เป็นผู้นำก็ได้ไม่เป็นไร ยกมือก็ได้เพราะมีหลายร่างเสนอเข้าไป และในฐานะรัฐบาลสามารถบรรเทาการดำเนินคดีได้ คุยกับราชทัณฑ์ในการจัดการกับผู้ถูกดำเนินคดีทางการเมืองไม่ใช่เหมือนอาชญากร แสดงให้เห็นว่าจริงใจ ไม่ใช่ถ่วงเวลา” ผู้จัดการไอลอว์ กล่าว
ศ.วิชา มหาคุณ อดีตกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวว่า จริงอยู่ที่เป็นอำนาจของราษฎรในการดำเนินการใด ๆ แต่เมื่อใครที่ขึ้นไปมีอำนาจสูงสุดในฝ่ายใด ๆ จะต้องมีความกรุณา หากใช้ความพยาบาทนั้นไม่มีทางทำให้โลกนี้มีสันติสุขได้ การเสนอกฎหมายนิรโทษกรรมเป็นการเปิดให้มีการเจรจาร่วมกันของผู้แทนของปวงชนชาวไทยทุกระดับไม่ว่าจะพรรคการเมืองใด ไม่มีข้อขีดคั่นว่าคิดไม่ได้ แต่มันจะผ่านไม่ได้เลย หากผู้นำทางการเมืองหรือผู้ปกครองไม่มีความปรารถนาทางการเมือง (Political Will) ที่จะยุติความรุนแรงให้เกิดสันติภาพขึ้นในบ้านเมือง
นายประสาร มฤคพิทักษ์ อดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.) กล่าวว่า แอมเนสตี้ (Amnesty) เป็นศัพท์ภาษาอังกฤษที่หมายถึงลืมทุกอย่าง แปลว่านิรโทษกรรม เมื่อทุกภาคส่วนรวมถึงภาคประชาชน เสนอร่างกฎหมายนิรโทษกรรมแล้ว ก็เหมือนการหงายไพ่ว่าใครคิดอะไร ส่วนตัวเสนอให้นิรโทษกรรมเหตุการณ์ตั้งแต่ปีใดถึงปีใด พร้อมทั้งให้ผู้ถูกดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ขอพระราชทานอภัยโทษต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นอกจากนี้ ยังต้องตั้งคำถามแรง ๆ ถึงท่าทีพรรคเพื่อไทยในฐานะพรรคการเมืองที่มีเสียงมากที่สุดในรัฐบาล
“พรรคเพื่อไทยทั้ง ๆ ที่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ยังจะมาศึกษาอยู่ นี่คือเตะถ่วง ซื้อเวลา แทงกั๊กแล้ว เดินต่อไม่ได้ แล้วพรรคอื่นที่มีท่าทีเอาหมดจะเดินได้ไง หรือจะต้องรอชั้น 14 หรือน้องสาว ปลอดโปร่งโล่งใจก่อน แล้วค่อยส่งสัญญาณหรืออย่างไร ? ถ้าคุณคิดถึงสมานฉันท์ปรองดอง เมตตาธรรม ไมตรีจิต ของผู้คนทั้งประเทศ ต้องมองข้ามชั้น 14 เพื่อที่จะทำให้เกิดผลที่เป็นจริง ควรนำเข้าสภาฯ รวมร่างประชาชน หาข้อยุติที่ดีที่สุด” นายประสาร กล่าว
นายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีตประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และแกนนำคณะหลอมรวมประชาชน กล่าวว่า สังคมเราต้องจิตใจกว้างขวาง มองเห็นพระบรมราโชบายของพระเจ้าแผ่นดินในช่วง 2 – 3 ปีที่ผ่านมา จึงขออย่าให้สร้างปัญหาหรือความขัดแย้งขึ้นมาใหม่ หากจะเริ่มต้นนับหนี่งประเทศ ก็ให้นิรโทษกรรมทุกคนหรือไม่ให้ทุกคนเลย เพื่อการปรองดองครั้งใหญ่โดยไม่เลือกปฏิบัติ ทั้งยังไม่จำเป็นต้องตั้งกรรมาธิการศึกษาอีกต่อไป
“หวังว่าการนิรโทษครั้งนี้ จะไม่เหลือทิ้งใครไว้ข้างหลังเลย” นายจตุพร กล่าว












