POLITICS

‘อารีเพ็ญ-มุข สุไลมาน’ ขอให้ กมธ.การกฎหมายฯ ตรวจสอบการละเมิดสิทธิในการรวมกลุ่มของนักกิจกรรมชาวมลายู

วันนี้ (10 ม.ค. 66) นายอารีเพ็ญ อุตรสินธุ์ ในฐานะ ที่ปรึกษาประธานสภาผู้แทนราษฎร และ นายมุข สุไลมาน ในฐานะเลขานุการประธานสภาผู้แทนราษฎร ยื่นหนังสือคำร้องแก่ นายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ ประธานคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้ตรวจสอบการละเมิดสิทธิในการรวมกลุ่มทำกิจกรรม ของนักกิจกรรมชาวมลายูมุสลิม ประเทศไทย

นายอารีเพ็ญ กล่าวว่า ตนเองต้องการเรียกร้องให้ผู้มีอำนาจในประเทศนี้ รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบว่าการดำเนินคดีอาญานักกิจกรรมชาวมลายู ประเทศไทย เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนหรือไม่ และยุติการกระทำดังกล่าว เพราะเป็นเรื่องสิทธิอันชอบธรรมของคนทั่วไปที่ต้องการจะแต่งกาย แบะการแสดงออกทางอันลักษณ์ ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ ไม่ได้มีการละเมิด หรือกระทำผิดตามข้อหาใด จึงอยากเรียกร้องให้รัฐบาลชุดนี้ยุติการกระทำเรื่องนี้

ด้าน นายมุข กล่าวว่า วันนี้ตนเองได้แต่งกายชุดมลายูมา เพื่อให้ประชาชนและสื่อมวลชนเห็นว่า ชุดที่ตนเองสวมใส่ เป็นชุดที่แสดงให้เห็นถึงวัฒนธรรมและอัตลักษณ์ของคนที่นั้น ซึ่งแต่งในวันสำคัญของชาวมุสลิม ไม่แตกต่างจากคนไทย หรือคนจีน ที่แต่งกายตามวันสำคัญเช่นกัน ซึ่งมีการแต่งกายชุดมลายูมาตั้งแต่ปี 62 แต่พึ่งมีการออกหมายเรียกฟ้องคดี ซึ่งคัดกับกฎหมายรัฐธรรมนูญ มาตรา 43(1) ที่กล่าวว่า บุคคลและชุมชนย่อมมีสิทธิ ในการอนุรักษ์ ฟื้นฟู หรือส่งเสริมภูมิปัญญาศิลปวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม และจารีตประเพณีอันดีงามของท้องถิ่นและของชาติ

นายมุข ย้ำว่า หากยังคงดำเนินการเรื่องนี้ต่อ จะไม่เกิดผลดีต่อประเทศ ซึ่งจะนำมาสู่ความเสียหายแก่ประเทศ คือ ทำให้คนในสังคมเกิดความขัดแย้งมากขึ้น หากเรื่องนี้ดังไปถึงศาลโลก องค์กรสหประชาชาติ หรือองค์กรสิทธิมนุษยชนระดับชาติจะทำให้คนภายนอกมองประเทศไทยของเราอย่างไร จึงอยากให้ผู้ที่มีความรับผิดชอบและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพึงตระหนักว่าสิ่งที่ทำนี้เป็นการกระทำเพื่อส่งเสริมหรือทำลายภาพพจน์ของประเทศไทย และก่อให้เกิดความขัดแย้งในประเทศ จึงอยากให้หยุดเรื่องนี้ไว้เพียงเท่านี้

สำหรับข้อเรียกร้องของเครือข่ายฯ มีรายละเอียดดังนี้

“เครือข่ายองค์กรภาคประชาสังคมในจังหวัดปัตตานี ยะลา นราธิวาส และสี่อำเภอจังหวัดสงขลา ขอเรียกร้องให้หน่วยงานตรวจสอบการละเมิดสิทธิในการรวมกลุ่มทำกิจกรรมของนักกิจกรรมชาวมลายูมุสลิมประเทศไทย ซึ่งเมื่อวันที่ 5 มกราคม 2567 ซึ่งมีนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน นักกิจกรรมด้านวัฒนธรรม สื่อมวลชน จำนวน 9 คน ได้รับหมายเรียก เพื่อให้ไปรับทราบข้อกล่าวหาเกี่ยวกับคดีความมั่นคง คือ ข้อหายุยงปลุกปั่น มีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี และข้อหาอั้งยี่ซ่องโจร มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ กิจกรรมที่เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อหาเกี่ยวกับการรวมกลุ่มกันทำกิจกรรมทางวัฒนธรรมแต่งกายชุดมลายูทุกปีตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นมาติดต่อกันสี่ปี นักกิจกรรมทั้ง 9 คน มีกำหนดไปรับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียกของพนักงานสอบสวนในวันที่ 9 ม.ค. 67 ที่ สถานีตำรวจภูธรสายบุรี จังหวัดปัตตานี

ในวาระที่รัฐบาลไทยประกาศเมื่อเดือนกันยายน 2566 ว่าประเทศไทยจะลงสมัครเป็นสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (HRC) วาระปี ค.ศ. 2025-2027 รัฐบาลได้แสดงความมุ่งมั่นในการส่งเสริมสิทธิมนุษยชน และค่านิยมประชาธิปไตย ทั้งยังพร้อมให้การสนับสนุน
การทำงานขององค์การสหประชาชาติ การดำเนินคดีอาญาข้อหาความมั่นคงปิดกั้นการรวมกลุ่ม
(Freedom Of Assembly) ต่อนักกิจกรรมในพื้นที่ความขัดแย้งในลักษณะกลั่นแกล้งให้ตกเป็นจำเลยในคดีอาญา ซึ่งการดำเนินการของรัฐบาลไทยขัดแย้งกับแนวทางการปกป้องคุ้มครองสิทธิมนุษยชนขององค์การสหประชาติและบทบาทหน้าที่ของคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนอย่างสิ้นเชิง จึงขอให้ประเทศสมาชิกในคณะมนตรีความมั่นคงตรวจสอบว่าการดำเนินคดีอาญา นักกิจกรรมชาวมลายู ประเทศไทย เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนหรือไม่

จึงมีข้อเรียกร้องเร่งด่วน ดังนี้

1.ขอเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องยุติการฟ้องการดำเนินคดีในลักษณะปิดปาก (SLAPP) ในการใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงออกและการรวมกลุ่ม ซึ่งเป็นสิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ และปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน (Universal Declaration of Human Rights หรือ UDHR) และมาตรา 27 ว่าด้วย ประเด็นวัฒนธรรม ศาสนา และภาษาของชนกลุ่มน้อยในกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (ICCPR)

2.ขอให้เลขาธิการองค์การสหประชาชาติและประเทศสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชน
แห่งองค์การสหประชาชาติ ทวงถามความมุ่งมั่นทางการเมืองของรัฐบาลไทย ที่ให้คำมั่นในการลงสมัครรับเลือกตั้งให้เป็นสมาชิกในคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนในปีนี้ว่าการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐลักษณะนี้เป็นละเมิดสิทธิมนุษยชนและเป็นการปิดกั้นการรวมกลุ่มของประชาชนหรือไม่”

Related Posts

Send this to a friend