นายกฯ ให้ตั้ง คกก.ร่วม รัฐ-เอกชน เชียงราย ผลักดันการค้าชายแดน ควบคู่แก้ยาเสพติด
‘เศรษฐา’ ให้ตั้งคณะกรรมการร่วม รัฐ-เอกชน เชียงราย ผลักดันการค้าชายแดน ควบคู่การแก้ยาเสพติด เตรียมหารือ ป.ป.ส.วันอาทิตย์นี้
วันนี้ (15 ก.ย. 66) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน หลังลงพื้นที่ด่านพรมแดน อ.แม่สาย จ.เชียงราย รับฟังการรายงาน เรื่องผลหารือการค้าไทยเมียนมา ว่า วันนี้มารับฟังปัญหาหลายด้าน แบ่งเป็น 4 เรื่องใหญ่ ได้แก่
1.การค้าระหว่างประเทศ เรื่องคมนาคม โดยจุดนี้เป็นจุดสูงสุดในการขนสินค้าไปประเทศจีน ภายหลังจากฟังข้อคิดเห็นจากผู้ประกอบการหอการค้า ได้ข้อสรุปว่าอยากให้มีการลงทุนหลายรูปแบบ ทั้งทางน้ำ ทางรถยนต์ สร้างด่านศุลกากร ซึ่งต้องพิจารณางบประมาณกัน จึงเสนอให้มีการตั้งคณะกรรมการระหว่างภาคเอกชน และภาครัฐ เพื่อดูว่าอะไรที่สามารถ Quick win ได้ เพื่อกระตุ้นการค้าระหว่างประเทศ
2.ปัญหายาเสพติด ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ เพราะเป็นจุดการค้าระหว่างประเทศ และสารตั้งต้นบางส่วนก็ถูกลักลอบมาจากประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึงกฎหมายที่บังคับใช้ หรือการทำลายยาเสพติดยังไม่ถูกบังคับใช้อย่างจริงจัง จึงได้กำชับทาง ป.ป.ส. ไปแล้ว โดยจะมีการประชุมกันในวันอาทิตย์นี้ โดยเรื่องนี้ถือเป็นวาระแห่งชาติ
3.เรื่องชาติพันธุ์ ที่เจอทั้งปัญหาเรื่องการศึกษา เรื่องสิทธิที่ดินทำกิน โดยไม่ใช่แค่ในกลุ่มชาติพันธุ์ แต่เป็นปัญหาของคนทั้งประเทศ ซึ่งเรื่องนี้ ทาง พลตำรวจเอกพัชรวาท วงษ์สุวรรณ ก็ดูแลอยู่ จึงอยากคุยกันหลายภาคส่วน จึงสั่งการไปแล้ว และอยากให้ความเป็นธรรมกับทุกภาคส่วน
4.เรื่องฝุ่น PM2.5 ที่ต้องบริหารจัดการให้ดี มีการร่างวิธีหารจัดการไว้แล้ว ซึ่งเรื่องละเอียดอ่อน คือ การปลูกข้าวโพดของชาวบ้านในพื้นที่เมียนมา เราเจรจาให้ลดลงเลยไม่ได้ แต่ก็ต้องแก้ไขให้ตัวเลขเผาลดลงอย่ามีนัยสำคัญ
“เรื่องที่สามารถดำเนินการได้ทันที คือเรื่องสัญชาติ ทั้งปัญหาเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอ หรือใช้เวลานานในการขอสัญชาติ เราขอเวลา เพื่อตั้งคณะทำงานขึ้นมาแก้ไขปัญหานี้” นายเศรษฐา กล่าว
ส่วนจะมีการวัด KPI เรื่องปัญหายาเสพติดนั้น นายเศรษฐา ระบุว่า ขอให้มีการประชุมกับหน่วยงานทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องในวันอาทิตย์นี้ก่อน แล้วจะแถลงอีกครั้ง
ส่วนการเข้ามายังประเทศไทยของคนในประเทศเพื่อนบ้าน นายเศรษฐา ระบุว่า ยังไม่ได้คุยรายละเอียดเรื่องนี้ อาจมีการทำวีซ่าตรงด่านตรวจคนเข้าเมือง เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับการค้าในพื้นที่ชายแดนไทย – เมียนมา ที่มีมูลค้าการค้ากว่า 9 หมื่นล้าน ซึ่งหากมองเรื่องศักยภาพ อาจทำได้มากว่านั้น
ส่วนปัญหาภายในพื้นที่แม่สาย บริเวณชายแดนไทยเมียนมาที่ส่งผลให้มีผู้ลี้ภัยนั้น นายเศรษฐา ระบุว่า เป็นปัญหาที่ละเอียดอ่อน ต้องดูให้ครบทุกมิติ ซึ่งเวลาแก้ปัญหาก็ต้องดูเป็นเรื่อง ๆ ไป
