‘พิธา’ เชื่อร่าง ‘ปลดล็อกท้องถิ่น’ มีแต่ชนะกับชนะ ไม่มีใครเสีย
‘พิธา’ ย้ำ ‘กระจายอำนาจ’ ไม่สุดโต่ง แค่ไทยตามไม่ทัน ท่ามกลางความท้าทายในโลก เชื่อร่าง ‘ปลดล็อกท้องถิ่น’ มีแต่ชนะกับชนะ ไม่มีใครเสีย
วันนี้ (30 พ.ย. 65) ในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 2 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) โดยมี ศ.พิเศษ พรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ในฐานะรองประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุมนั้น นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) แบบบัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล อภิปรายสนับสนุนร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ …) พุทธศักราช … (แก้ไขเพิ่มเติมหมวด 14 การปกครองส่วนท้องถิ่น) หรือปลดล็อกท้องถิ่น
นายพิธา เริ่มกล่าวโดยโต้แย้งมายาคติบางฝ่ายที่ชี้ว่าการกระจายอำนาจคือความคิดสุดโต่ง โดยตั้งคำถามว่าสุดโต่งเมื่อเทียบกับอะไร ? ถ้าเทียบกับระบบราชการในอดีตเมื่อ 130 ปีก่อน ก็อาจจะสุดโต่งจริง แต่ถ้าเทียบกับความท้าทายของโลกที่กำลังสุดโต่งอยู่ทุกวันนี้ ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ ปัญหาภาวะโลกร้อน สังคมสูงวัย สภาพบริบทในประเทศเต็มไปด้วยความสุดโต่ง และจำเป็นต้องมีโครงสร้างที่สุดโต่งเช่นกัน
“ถ้าจะใช้คำสัมพัทธ์แบบนี้เปรียบเทียบกัน การกระจายอำนาจยิ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำ ไม่ใช่เรื่องสุดโต่ง แต่ช้าไปแล้วด้วยซ้ำที่จะประเทศไทยจะตอบสนองอย่างที่ประเทศอื่นเขาทำได้”
ส่วนข้อกังวลว่าจะเกิดการคอร์รัปชันนั้น นายพิธา อภิปรายว่า จากผลสำรวจเห็นว่าคอรัปชั่นในท้องถิ่นน้อยกว่าในส่วนกลาง 10 เท่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีสภาพลเมืองช่วยตรวจสอบ คอรัปชั่นจะยิ่งน้อยกว่า แต่หากงบกระจุกตัวแบบนี้ จะยิ่งเอื้อให้เกิดการคอรัปชั่น
“ผมเป็นข้าราชการกระทรวงพาณิชย์ในปี 2546-2548 ผมรู้จักข้าราชการหลายท่าน มีความตั้งใจและมีความสามารถทำงาน การกระจายอำนาจจะทำให้สุขภาพจิตของท่านดีขึ้นแน่นอน ผมรับประกัน ท่านไม่จำเป็นต้องตื่นมาเสาร์อาทิตย์ รับนาย ตัดริบบิ้น ไม่ต้องเผชิญหน้ากับประชาชนที่ยังแก้ไขปัญหาให้ไม่ได้ปีแล้วปีเล่า ท่านจะอยู่กับพื้นที่ซึ่งมาจากการเลือกตั้ง และแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิผล ร่างฯ นี้จึงมีแต่ชนะกับชนะ ไม่มีใครเสีย” นายพิธา กล่าว