POLITICS

‘บวรศักดิ์’ ลั่นเดินหน้า ‘กีโยตินกฎหมาย’ ลดภาระประชาชน ขีดเส้น 3 เดือน หากข้าราชการไม่ขยับ จ่อใช้มาตรการขั้นต่อไป

วันนี้ (30 ต.ค. 68) ที่ตึก นารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย แถลงกรณีที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย แต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อน เร่งรัด และติดตามนโยบายสำคัญของนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี เพื่อเร่งรัดการยกเลิกและแก้ไขกฎระเบียบ เน้นที่พระราชกฤษฎีกา, กฎกระทรวง, ระเบียบ และประกาศ ที่สร้างภาระให้ประชาชน ทำให้เสียเวลาและมีค่าใช้จ่ายสูง

นายบวรศักดิ์ ระบุว่า เดิมมีการศึกษาของ TDRI และดำเนินการมาตั้งแต่สมัยรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งแก้ไขไปได้ส่วนหนึ่ง แต่ยังเหลืออีกจำนวนมาก

นายบวรศักดิ์ ยอมรับว่า กระทรวงหลักที่ต้องมีการปรับปรุงคือ กระทรวงมหาดไทย, กระทรวงพาณิชย์, กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่มีกฎระเบียบจำนวนมาก ซึ่งตนเองรู้สึกหวั่นใจว่าจะไปคุยกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยอย่างไร เนื่องจากเป็นนายของตนเองด้วย แต่ก็ต้องหารือ จึงต้องขอความร่วมมือกับรัฐมนตรีเจ้ากระทรวง, ปลัดกระทรวง และอธิบดี ให้ลงไปกำชับผู้ใต้บังคับบัญชาให้เร่งดำเนินการยกเลิกและแก้ไข หากทำไม่ได้จริง ๆ ขอให้เสนอแนวทางว่าจะทำอย่างไรให้เร็วขึ้น

นายบวรศักดิ์ กล่าวว่า มีกฎหมายหรือข้อกำหนดที่เข้าข่ายกิโยตินจำนวนมาก แต่ยอมรับว่าระบบราชการมีความระมัดระวัง แต่บางทีก็สร้างภาระให้กับชาวบ้าน

นายบวรศักดิ์ กล่าวถึงขั้นตอนการเร่งรัดว่า เดือนแรกจะเป็นการประสานงาน เดือนที่ 2 หากยังไม่คืบหน้า ตนเองจะไปกราบเรียนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงนั้นด้วยตนเอง ให้เชิญปลัดกระทรวง อธิบดี และข้าราชการที่รับผิดชอบมาขอความร่วมมือ และเดือนที่ 3 หากไม่สำเร็จ จะคิดมาตรการขั้นต่อไป ซึ่งอาจเป็นขั้นสุดท้าย

นายบวรศักดิ์ แสดงความหวังว่า กิโยตินกฎหมายที่ทำมาตั้งแต่ปี 2562 จนถึงปี 2568 รวม 6 ปี น่าจะสำเร็จเสร็จสิ้นภายในรัฐบาลนายอนุทิน 4 เดือนบวก รวมถึงช่วงรักษาการ 2-3 เดือน เมื่อสิ่งที่เป็นภาระ สร้างค่าใช้จ่าย และใช้เวลานานเหล่านี้หมดไป จะส่งผลให้ตัวชี้วัดของไทย 3 ตัวดีขึ้นแน่นอน คือ 1.ความสามารถในการแข่งขันของ IMD 2.หลักนิติธรรม 3.ธรรมาภิบาล ของสถาบันธนาคารโลก

นายบวรศักดิ์ กล่าวต่อว่า ขออย่ามองการยกเลิกกฎระเบียบและเปลี่ยนแปลงขั้นตอนการพิจารณาอนุญาตเป็นเรื่องส่วนตัวของนายอนุทิน หรือของตนเอง เพราะตนเองไม่ได้ทำธุรกิจเหล่านี้ แต่จะทำให้เรายกระดับนิติธรรมของไทยขึ้น และเป็นการปูทางไปสู่การเข้าเป็นสมาชิกของ OECD ซึ่งในเอเชียวันนี้มีสมาชิกจำนวนน้อยมาก

นายบวรศักดิ์ กล่าวอีกว่า ตนเองสอนลูกศิษย์เสมอว่า การจะเขียนกฎหมายอะไร อย่าคิดว่าเป็นผู้มีอำนาจ แต่ให้คิดว่าเป็นประชาชนคนหนึ่ง ตั้งแต่เกิดจนถึงกองตะกอน ข้าราชการมีหมวก 2 ใบ ให้นึกถึงวันที่ตนเองเกษียณราชการและไปติดต่อกรมของตนเอง

นอกจากนี้ นายบวรศักดิ์ ระบุว่า ขณะนี้มีร่างกฎหมายเตรียมเข้า ครม. เพื่อแก้ปัญหาความล่าช้าของระบบราชการ ที่ต้องรอการรับรองบันทึกการประชุม ทำให้มติไม่สามารถดำเนินการได้ทันที อย่างไรก็ตาม ก่อนที่กฎหมายจะผ่าน ครม. มีมติให้มติของคณะกรรมการ หน่วยงานรัฐ และรัฐวิสาหกิจ เมื่อมีมติใด ๆ แล้ว สามารถปฏิบัติได้ทันที ยกเว้นจะมีมติเป็นอย่างอื่น โดยให้มีผลตั้งแต่วันนี้ (30 ต.ค. 68) เป็นต้นไป ซึ่งเมื่อกฎหมายฉบับดังกล่าวผ่านแล้ว มติ ครม. นี้ก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป

Related Posts

Send this to a friend