POLITICS

พลังประชารัฐ คัดค้านเจรจาผลประโยชน์ปิโตรเลียมในกรอบ MOU44 ชี้ ไทยเป็นฝ่ายเสียเปรียบ และมีโอกาสเสียดินแดน

วันนี้ (30 ต.ค. 67) เวลา 09.00 น. ที่อาคารรัฐสภา นายชัยมงคล ไชยรบ สส.สกลนคร เขต 5 พรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วย นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล ประธานด้านวิชาการ ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี กรรมการบริหารพรรค และ สส.พรรค ร่วมแถลงคัดค้านการเจรจาผลประโยชน์ปิโตรเลียมในกรอบ MOU44

นายชัยมงคล กล่าวว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ประกาศในที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคว่า พรรคจะคัดค้าน MOU44 ซึ่งมีความเสี่ยงจะทำให้เสียดินแดน เสี่ยงเสียอธิปไตยของชาติ และเสี่ยงเสียทรัพยากรธรรมชาติอันเป็นของประชาชน โดยเราจะไม่ยอมเสียพื้นที่ไปแม้แต่ตารางนิ้วเดียว และจะร่วมกันลงชื่อเพื่อทำจดหมายเปิดผนึกถึง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และจะยื่นจดหมายให้นายกฯ ที่ทำเนียบรัฐบาลอีกครั้ง

นายธีระชัย กล่าวว่า ข้อความในเอกสาร MOU44 ประกอบแผนที่แนบ แสดงว่าสองประเทศยอมรับว่ามีพื้นที่พัฒนาร่วมเพื่อให้ทำการเจรจาแบ่งผลประโยชน์ปิโตรเลียม แต่ขอบพื้นที่ดังกล่าวด้านทิศตะวันตกใช้เส้นเขตแดนในทะเลที่ประกาศโดยกัมพูชาในปี 2515 โดยมีจุดตั้งต้นในเส้นที่พาดผ่านเกาะกูด ทั้งนี้ ได้ตรวจสอบหลักฐานแล้วพบว่าขัดกับสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ค.ศ.1907 จึงมีความเห็นว่าพื้นที่พัฒนาร่วมตามที่ระบุใน MOU44 ขัดกับสนธิสัญญาฯ ย่อมทำให้เอกสาร MOU44 ทั้งฉบับผิดกฎหมาย

นายธีระชัย กล่าวย้ำว่า หากกัมพูชายอมรับว่าไทยมีเอกสิทธิ์ในเกาะกูดอย่างสมบูรณ์แต่ผู้เดียวจริง กัมพูชาจะต้องยอมรับไทยลากเส้นห่างจากชายฝั่งของเกาะกูด 200 ไมล์ทะเลตามกติกาสากล ไม่ใช่ลากเส้นพาดผ่านเกาะกูด ซึ่งการ MOU44 ไทยยอมรับเส้นพาดผ่านเกาะกูด ย่อมหมายความว่าไทยยอมให้กัมพูชามีสิทธิ์ในเกาะกูดครึ่งหนึ่ง เป็นการทำให้ไทยเสียดินแดนชัดเจน

ม.ล.กรกสิวัฒน์ กล่าวว่า ไทยยึดมั่นตามอนุสัญญาเจนีวา 1958 ระหว่างเจรจา กัมพูชาประกาศเส้นเขตแดนในปี 2515 โดยมิได้เป็นไปตามกฎหมายสากล เพื่อรักษาสิทธิฝ่ายไทยจึงมีประกาศพระบรมราชโองการกำหนดเขตไหล่ทวีปของประเทศไทยฝั่งอ่าวไทย ปี 2516 ทำให้เห็นว่าเส้นที่ฝ่ายกัมพูชาประกาศไปเป็นการล่วงล้ำพระราชอาณาเขต ทำให้การเจรจายุติลง

เพียงสองเดือนของรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร ในปี 2544 รัฐบาลนำเรื่องนี้ขึ้นมาอย่างเร่งรีบ โดยเริ่มเจรจา 21 เม.ย. 44 และตกลงเซ็นต์ MOU44 ในวันที่ 4 มิ.ย. 44 รวมเวลาเจรจา 44 วัน โดยไทยเปลี่ยนท่าทีจากเดิม คือไม่รักษาสิทธิอันพึงมีของไทยตามกฎหมายสากล กลับยอมรับเส้นของกัมพูชาขีดทับอาณาเขตของราชอาณาจักรไทยเป็นครั้งแรก จนเกิดพื้นที่ทับซ้อนที่ใหญ่โตมากถึง 26,000 ตร.กม. ทั้งที่พื้นที่นี้เดิมทีไม่มีกฎหมายรับรอง

“รัฐบาลอ้างการการพัฒนาปิโตรเลียมร่วมกันบดบังสาระสำคัญที่ไทยเปลี่ยนสถานะจากผู้ที่เป็นฝ่ายถูกเพราะยึดมั่นในกฎหมายสากล กลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบทันที เพราะเปิดโอกาสให้กัมพูชานำพื้นที่ที่ได้มาโดยไม่มีกฎหมายสากลรับรองเข้ามาเจรจาได้ ซึ่งแตกต่างจากกรณีไทย-มาเลเซียอย่างชัดเจน พรรคพลังประชารัฐ จึงเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรียกเลิก MOU44 โดยเร็วที่สุด เนื่องจากแผนที่แนบท้าย MOU44 เขตของกัมพูชา ได้รวมเอาน่านน้ำภายในของจังหวัดตราด เกาะกูด และทะเลอาณาเขตของไทยเข้าไปด้วย ทำให้ไทยตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบและมีโอกาสเสียดินแดน” ม.ล.กรกสิวัฒน์ กล่าว

Related Posts

Send this to a friend

Thailand Web Stat