POLITICS

เปิดคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ วาระ 8 ปี นายกรัฐมนตรี ‘พล.อ.ประยุทธ์’

เปิดคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ตัดสิน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ ตั้งแต่ปี 2560 ชี้เก้าอี้ปี 2557 มีที่มาจาก สนช. ไม่ใช่สภาฯ ตามรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน

วันนี้ (30 ก.ย. 65) เวลา 15:00 น. ศาลรัฐธรรมนูญ ออกนั่งพิจารณาเพื่ออ่านคำวินิจฉัย เรื่อง ประธานสภาผู้แทนราษฎร ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสอง ประกอบมาตรา 158 วรรคสี่ หรือไม่

ศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาแล้วเห็นว่า การดำรงตำแหน่งของนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 158 วรรคสี่ มีประเด็นในการพิจารณาหรืออภิปราย เกี่ยวกับการนับระยะเวลาการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งสามารถนับรวมระยะเวลาการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่ดำรงตำแหน่งอยู่ก่อนวันที่รัฐธรรมนูญนี้ประกาศใช้บังคับด้วย ดังนั้น การกำหนดเวลาการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญมาตรา 158 วรรคสี่ จึงมีความหมายเฉพาะการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญฯ พ.ศ. 2560

รัฐธรรมนูญฉบับนี้กำหนดวิธีการได้มาซึ่งนายกรัฐมนตรีไว้ต่างจากฉบับอื่น คือ ให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาบุคคลเป็นนายกรัฐมนตรีจากบัญชีรายชื่อบุคคลที่พรรคการเมืองได้แจ้งไว้ก่อนการเลือกตั้งโดยต้องเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม

“ดังนั้น เมื่อผู้ถูกร้องได้รับความเห็นชอบและได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญฯ พ.ศ. 2560 แล้ว ผู้ถูกร้องจึงเป็นผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีตามหลักเกณฑ์และวิธีการแห่งรัฐธรรมนูญ 2560 โดยบริบูรณ์ และเป็นไปตามหลักทั่วไปของหลักการใช้กฎหมายและหลักความแน่นอนของกฎหมาย”

เมื่อรัฐธรรมนูญฯ พ.ศ. 2560 ประกาศใช้บังคับในวันที่ 6 เมษายน 2560 ผู้ถูกร้องดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่บริหารราชการแผ่นดินอยู่ในวันก่อนประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้ ตามบทเฉพาะกาลมาตรา 264 การดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของผู้ถูกร้องดังกล่าว จึงเป็นการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีภายใต้รัฐธรรมนูญนี้ ภายใต้บังคับตามมาตรา 158 วรรคสี่

ส่วนการเป็นนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 ส.ค. 2557 เป็นไปตามมติของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ซึ่งมาจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ถวายคำแนะนำ จึงเห็นได้ว่าผู้ถูกร้องไม่ใช่นายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญฯ พ.ศ. 2560 ที่ได้รับความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎร นอกจากนั้น การที่บทเฉพาะกาลให้คณะรัฐมนตรีที่บริหารราชการแผ่นดินอยู่ในวันก่อนวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้ เป็นคณะรัฐมนตรีตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้ จะต้องถือเอาวันที่รัฐธรรมนูญประกาศใช้ เป็นวันเริ่มต้นเข้ารับตำแหน่ง

สำหรับข้อกล่าวอ้างของผู้ร้องที่ว่า บันทึกการประชุมคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ครั้งที่ 500 ระบุเจตนารมณ์การดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 158 วรรคสี่ไว้ชัดเจน รวมถึงมีความเห็นของประธาน กรธ. และรองประธาน กรธ. คนที่หนึ่งนั้น ศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่าเป็นการประชุมพิจารณาความมุ่งหมายและคำอธิบายประกอบรายมาตรา ซึ่งเป็นเพียงการอธิบายแนวความคิดของกรรมการร่างรัฐธรรมนูญในมาตราต่างๆ เป็นการพิจารณาภายหลังรัฐธรรมนูญประกาศใช้บังคับเป็นเวลาถึง 1 ปี 5 เดือน และความเห็นนั้นมิได้นำไประบุในความมุ่งหมายและคำอธิบายประกอบมาตรานอกจากนี้ บันทึกการประชุมไม่ปรากฏประเด็นในการพิจารณาหรืออภิปรายเกี่ยวกับการนับระยะเวลาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีว่าสามารถนับรวมได้ก่อนรัฐธรรมนูญนี้ประกาศใช้บังคับด้วย

“กฎหมายย่อมมีผลใช้บังคับนับแต่วันประกาศใช้ เมื่อรัฐธรรมนูญฉบับนี้ประกาศใช้เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2560 ทุกบทบัญญัติจึงมีผลใช้บังคับเป็นการทั่วไปเมื่อรัฐธรรมนูญประกาศใช้ เรื่องระยะเวลา 8 ปีจึงต้องเริ่มนับทันทีเมื่อรัฐธรรมนูญใช้บังคับ”

ผู้ถูกร้องจึงดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตามความมาตรา 264 ของรัฐธรรมนูญฯ พ.ศ. 2560 นับตั้งแต่วันที่ 6 เมษายน 2560 ถึงวันที่ 24 สิงหาคม 2565 ผู้ถูกร้องจึงดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรียังไม่ครบกำหนดเวลาตามรัฐธรรมนูญฯ พ.ศ. 2560 มาตรา 158 วรรคสี่ ความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีผู้ถูกร้องจึงไม่สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญฯ พ.ศ. 2560 มาตรา 170 วรรคสอง ประกอบมาตรา 158 วรรคสี่

อาศัยเหตุผลดังกล่าวข้างต้น ศาลรัฐธรรมนูญ โดยมติเสียงข้างมากจึงวินิจฉัยว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีผู้ถูกร้องยังไม่สิ้นสุดลง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสอง ประกอบมาตราา 158 วรรคสี่

Related Posts

Send this to a friend