POLITICS

‘เศรษฐา’ รับฟังสถานการณ์การค้า-ส่งออก ด่านศุลกากรนครพนม ‘ภาคเอกชน’ ฝากความหวัง

วันนี้ (30 มิ.ย. 66) นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย และที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย, นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และคณะ เข้าพบปะหารือกับตัวแทนภาคเอกชนจังหวัดนครพนม เพื่อรับฟังสถานการณ์การค้าและการส่งออก รวมไปถึงปัญหาอุปสรรคเกี่ยวกับเศรษฐกิจชายแดน บริเวณด่านศุลากรนครพนม สะพานมิตรภาพแห่งที่ 3 อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม

นายเศรษฐา กล่าวว่า จังหวัดนครพนมมีศักยภาพหลายด้าน แต่หลายอย่างก็ต้องได้รับการแก้ไขและพัฒนา ซึ่งเมื่อมีการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ได้ปัญหาทุกอย่างก็จะได้รับการเร่งรัดแก้ไข รวมถึงการจัดทำและใช้จ่ายงบประมาณปี 2567 ที่ทุกฝ่ายน่าจะได้นำมาใช้ประโยชน์ในการแก้ไขปัญหาได้โดยเร็ว

สำหรับการพูดคุยครั้งนี้ ประธานหอการค้าจังหวัดนครพนม ได้สรุปข้อมูลสถานการณ์การท่องเที่ยวในพื้นที่นครพนม โดยเชื่อว่าสามารถยกระดับการท่องเที่ยวระหว่างไทยกับเวียดนามได้ และเส้นทาง R12 จะเชื่อม 4 ประเทศ คือ ไทย-ลาว-เวียดนาม-จีน พร้อมทั้งฝากพรรคเพื่อไทยหากได้เป็นรัฐบาลให้ช่วยเรื่องการทำการตลาดเพื่อดึงนักท่องเที่ยวเข้าสู่จังหวัด ขณะที่สภาอุตสาหกรรมจังหวัดนครพนม ได้รายงานถึงเส้นทางการขนส่งสินค้าบริเวณด่านพรมแดน ซึ่งนครพนมอยู่เขตระเบียงขนส่งจีนตอนใต้ลงไปกรุงเทพมหานคร รวมทั้งยังมีทุเรียนที่ส่งออกไปที่ประเทศจีน ถึง 95% ในอดีตเคยส่งออกสินค้าสร้างมูลค่า 140,000 ล้านบาท แต่ตอนนี้กลับลดลงมาก

ด้านสภาอุตหกรรมท่องเที่ยวและนายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดนครพนม ระบุว่า ปี 2565 มีนักท่องเที่ยวทั้งหมด 4.7 ล้านคน ใน 3 จังหวัด คือ นครพนม สกลนคร และมุกดาหาร สร้างรายได้รวม 3 จังหวัด 6,562 ล้านบาท ซึ่งถือว่าน้อยมาก โดยนครพนมเป็นจังหวัดที่เติบโตสูงที่สุด มีจำนวนผู้เข้าพักเป็นอันดับ1 ในกลุ่ม3 จังหวัด หรือบวก 200% ส่วน มกราคม-เมษายน 2566 มีผู้เข้าพักที่นครพนมกว่า 250,000 คน และคาดว่านักท่องเที่ยวจะเข้ามาในปีนี้กว่า 2 ล้านคน ส่วนรายได้การท่องเที่ยวนครพนม ล่าสุดปีละกว่า 2,000 ล้านบาท

ตัวแทนจากด่านศุลกากรนครพนม กล่าวว่า จังหวัดนครพนมมีอาคารคลังสินค้าที่เป็นพื้นที่ R8 ด่านศุลกากรนครพนม ซึ่งตั้งบริเวณพื้นที่โลจิสติกส์ จังหวัดนครพนม มีพื้นที่ถนนชำรุดและเกิดความเสียหาย และไฟส่องสว่างในพื้นที่คลังสินค้ามีความเสียหายไม่เพียงพอ พร้อมขอรัฐบาลใหม่ช่วยผลักดันให้นครพนมมีศูนย์บริการ One Stop Service เพื่อลดขั้นตอนด้านเอกสารระหว่างหน่วยงานภาครัฐ

Related Posts

Send this to a friend